ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักหรือรับของโจรกระบือ 1 ตัว และบรรยายข้อเท็จจริงตอนหนึ่งว่า หลังจากกระบือเจ้าทรัพย์หายไป มีผู้พบเห็นจำเลยกับพวกอีก 2 คนร่วมกันครอบครองกระบือถูกลักไป ขอให้ลงโทษเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83, 92 และนับโทษต่อจากคดีอาญาดำที่ 297/2505

ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับในข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษต่อมาจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร และรับว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีอาญาดำที่ 297/2505 (ฐานรับของโจร. โค) แล้วคือคดีแดงที่ 331/2505

ศาลชั้นต้นเรียกสำนวนคดีแดงที่ 331/2505 มาดู และสอบโจทก์โจทก์แถลงว่ากระบือ (ของกลางคดีนี้) กับโค (ของกลางในคดีแดงที่ 331/2505) มีผู้พบเห็นคนร้ายรวมทั้งจำเลยจูงไปในขณะเดียวกัน และว่าโจทก์อาศัยเหตุนี้ฟ้องจำเลยว่าลักทรัพย์หรือรับของโจร กับโจทก์ขอให้ศาลสอบจำเลย จำเลยแถลงว่า ได้รับกระบือและโคของกลางของแต่ละคดีไว้คนละครั้ง คือคนละวันกัน โจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยานศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ส่วนฐานรับของโจรกระบือนั้น โจทก์ไม่สืบว่าจำเลยรับกระบือของกลางคดีนี้กับโคของกลางคดีแดงที่ 331/2505 ต่างกรรมต่างวาระกัน จึงต้องฟังว่า จำเลยรับไว้ในเวลาเดียวกัน เป็นกรรมเดียวกัน ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีแดงดังกล่าวแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยอีก ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ส่วนที่จำเลยแถลงรับไว้ จะเอามาลงโทษจำเลยก็ไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดจำเลย ทั้งคำรับเช่นนี้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 235 วรรค 2 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ถูกต้องตามกฎหมาย และฟ้องแต่ละสำนวนกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อศาลสอบจำเลย ๆก็รับว่ากระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ทั้งไม่ปรากฏเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยครอบครองของกลางทั้ง 2 คดีในเวลาเดียวกัน ก็ไม่อาจถือว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรกรรมเดียวและวาระเดียวกัน เพราะความผิดฐานรับของโจรเกิดเป็นความผิดขณะจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นของได้มาจากการกระทำผิด ไม่ใช่ขณะครอบครองทรัพย์ และการที่โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้พบเห็นจำเลยครอบครองของกลางนั้น ก็ไม่ใช่ข้อผูกพันโจทก์ให้นำสืบได้เฉพาะข้อเท็จจริงนั้น หรือถ้าไม่ได้ข้อเท็จจริงดังกล่าวจะต้องยกฟ้อง โจทก์ย่อมนำสืบข้อเท็จจริงต่าง ๆ อันจะพึงพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องของโจทก์ได้ ถ้าจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบข้อเท็จจริง คดีย่อมรับฟังลงโทษจำเลยได้ เว้นแต่คดีมีอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปหรือสถานหนักกว่านั้น ฉะนั้น การที่โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยเหตุดังกล่าวจึงไม่เป็นเหตุที่จะยกฟ้อง และการที่ศาลสอบถามจำเลยว่ารับกระบือและโคของกลางของ 2 คดีไว้คนละครั้งหรือครั้งเดียว ก็ไม่ใช่เพื่อประโยชน์จะเพิ่มเติมคดีโจทก์ซึ่งบกพร่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 235 วรรค 2 เพราะฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ทั้งเป็นการสอบถามรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงยิ่งขึ้น เมื่อจำเลยรับสารภาพต่อศาล ก็รับฟังลงโทษจำเลยได้ พิพากษากลับว่าจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วางโทษจำคุก 1 ปี เพิ่ม 1 ใน 3 ตามมาตรา 92 จำคุก 1 ปี 4 เดือน ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือนนับโทษต่อจากคดีแดงที่ 331/2505

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th