ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกกับพวกร่วมกันมีแร่ตะกรันน้ำหนัก 1,204.1 กิโลกรัมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันขนแร่ตะกรันจำนวนดังกล่าวโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะจากเหมืองแร่อำเภอ ห. ไปยังอำเภอ ท. โดยฝ่าฝืนกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105, 108, 148, 154พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 มาตรา 18, 21, 27 ริบแร่และรถยนต์ของกลาง

จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ ศาลมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยที่ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105, 108, 148, 154 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522มาตรา 18, 21, 27 เรียงกระทงลงโทษ โดยลดโทษกึ่งหนึ่งแล้วคงปรับคนละ214,844.58 บาท ริบแร่และรถยนต์ของกลาง ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เรียงกระทงลงโทษไม่ได้ และลงโทษปรับรายบุคคลไม่ได้

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข้อหาฐานขนแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตและให้ลงโทษฐานมีแร่ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ปรับคนละ 107,422.29 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ถ้าจะต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังคนละ1 ปี 2 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานขนแร่อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 อีกกระทงหนึ่ง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 108 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 32 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดขนแร่ในที่ใดเว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตาม (1) ถึง (10) ไม่มีบทบัญญัติพิเศษว่าข้อห้ามตามมาตรา 108 ใช้บังคับเฉพาะแร่ที่มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จึงใช้บังคับได้ในกรณีที่บุคคลอื่นใดที่มีแร่ไว้ในความครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายด้วยจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จึงมีความผิดฐานขนแร่ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 148 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 มาตรา 21อีกกระทงหนึ่ง

ส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 คนละ214,844.58 บาท โดยกำหนดว่าหากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แต่มิได้ระบุชัดแจ้งว่าจะกักขังเกินหนึ่งปีหรือไม่และมีกำหนดเท่าใด เช่นนี้ จะกักขังเกินกำหนดหนึ่งปีไม่ได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1835/2514 พนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายพิชัยจิระรัตนวิไล กับพวก จำเลย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดฐานขนแร่ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 148 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 มาตรา 21 อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3โดยบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น หากจะกักขังแทนค่าปรับก็ให้กักขังได้คนละไม่เกิน 1 ปี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th