ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าก่อนรถยนต์จำเลยชนท้ายรถยนต์โจทก์ รถจำเลยได้เฉี่ยวชนท้ายรถยนต์นายบักกุ้ง แซ่ลี ก่อนคดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า การที่รถยนต์จำเลยชนท้ายรถยนต์โจทก์ เกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือไม่

ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ปัญหาดังกล่าวแล้ว เห็นว่า แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบว่า นายบักกุ้งขับรถบรรทุกแซงรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิดกับขณะที่กำลังจะสวนกับรถจำเลย รถนายบักกุ้งล้ำเข้ามาในเส้นทางของจำเลย เมื่อแซงพ้นคันที่ตนแซงแล้ว นายบักกุ้งได้ขับรถเลี้ยวเข้าเส้นทางของตนแต่ท้ายรถยังไม่พ้น รถจำเลยจึงได้เฉี่ยวชนท้ายรถนายบักกุ้งแล้วแล่นไปชนท้ายรถโจทก์ ดังที่จำเลยนำสืบก็ตาม แต่ก็ปรากฏในแผนที่เกิดเหตุเอกสารหมาย ล.1 ที่จำเลยนำชี้ว่า หลังจากรถจำเลยเฉี่ยวชนท้ายรถนายบักกุ้งแล้ว จำเลยได้ขับรถเลี้ยวไปทางซ้ายอีก 9.20 เมตร ล้อรถด้านซ้ายของรถจำเลยทั้งล้อหน้าและล้อหลังได้ปืนขึ้นไปบนทางเท้าซึ่งสูงกว่าพื้นถนนตามคำเบิกความของจำเลยว่าประมาณ 8 นิ้วฟุต แล้วมีรอยครูดไปกับพื้นถนนและทางเท้าเป็นทางยาว 16.50 เมตร 2 เส้นขนานกันน่าเชื่อว่าเกิดจากการที่จำเลยห้ามล้อรถ แล้วรถของจำเลยไปจอดอยู่หน้ารถติดกับเสาไฟฟ้าซึ่งตั้งอยู่ริมทางเท้าติดกับขอบถนน และเมื่อพิเคราะห์ภาพถ่ายรอยบุบและชำรุดของท้ายรถโจทก์กับหน้ารถจำเลยในสำนวนการสอบสวนซึ่งส่งมาจากสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีแล้วเห็นว่า รอยบุบและชำรุดที่เกิดจากการชนกันนี้มิใช่เล็กน้อย แสดงว่ารถของจำเลยแล่นมาชนท้ายรถโจทก์โดยแรง พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุผลเชื่อว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งเมื่อเฉี่ยวชนท้ายรถนายบักกุ้งแล้ว จำเลยก็ไม่สามารถหยุดได้ทันท่วงทีก่อนที่จะแล่นไปชนท้ายรถโจทก์ ซึ่งโจทก์อยู่ห่างจุดที่รถจำเลยเฉี่ยวชนรถนายบักกุ้งถึงประมาณ 25 เมตร กรณีเป็นเรื่องอาจป้องกันได้ ถ้าจำเลยไม่ขับรถเร็วจนเกินไป เหตุที่รถจำเลยไปชนท้ายรถโจทก์ เพราะจำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง ถือไม่ได้ว่า เกิดจากเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8 จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437" ฯลฯ

"พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 27,750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยชำระเงินให้โจทก์เสร็จ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลโดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาทแทนโจทก์ สำหรับค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้เพียงเท่าที่โจทก์ชนะ"

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th