ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุทำงานนาน มีความรู้ความสามารถไม่พอดีกับตำแหน่งหน้าที่ อาจหาผู้อื่นแทนที่ดีกว่าได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง การกระทำของจำเลยเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ฐานทำงานนาน อันเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายและเป็นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของข้อบังคับจำเลยทุกประการจึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 201 ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การถอดถอนฯ ข้อ 9 ระบุว่า "เมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นสมควรให้ผู้ใดออกจากงาน ให้ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้พนักงานผู้นั้นออกจากงานได้ในกระณีดังต่อไปนี้ 9.2 ฐานทำงานนาน คือ เมื่อพนักงานผู้ใดปฏิบัติงานติดต่อกันมาเป็นเวลาสามสิบปีบริบูรณ์และเป็นผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

9.2.1 มีความรู้ความสามารถไม่พอดีกับตำแหน่งหน้าที่ เช่น ปฏิบัติงานเฉื่อยชา ล่าช้า หรือปฏิบัติงานผิดพลาดอยู่เสมอ หรือมีความรู้ความสามารถเสมอตัวไม่ดีไม่เลว แต่หาผู้อื่นแทนที่ดีกว่าได้ 9.2.3 มีอนามัยหรือสุขภาพไม่สมบูรณ์"

ได้ความว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยซึ่งได้ปฏิบัติงานติดต่อกันมาเป็นเวลา 30 ปีบริบูรณ์แล้ว ผลการตรวจสุขภาพประจำปี แพทย์ลงความเห็นว่าโจทก์สุขภาพพอใช้ การให้ความเห็นของแพทย์ดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ซึ่งได้จำแนกผู้ที่ได้รับการตรวจสุขภาพเป็น 4 ประเภท คือ (1) สภาพร่างกายดีมาก (2) สภาพร่างกายดี (3) สภาพร่างกายพอใช้ (4) สภาพร่างกายไม่ดีโดยเฉพาะตามข้อ 3 ที่ว่า สภาพร่างกายพอใช้นั้นได้กำหนดความหมายว่า ร่างกายมีความพิการเล็กน้อย หรือมีโรคเรื้อรังแต่ไม่ร้ายแรง หรือสุขภาพไม่สมบูรณ์การที่แพทย์ลงความเห็นในการตรวจโรคประจำปีของโจทก์ดังกล่าว เท่ากับเป็นการชี้แสดงว่าโจทก์มีอนามัยหรือสุขภาพไม่สมบูรณ์ตามความหมายในข้อบังคับจำเลย ฉบับที่ 201 ข้อ 9.2.3 นั่นเอง จำเลยจึงตั้งคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาถึงสมรรถภาพการทำงานของโจทก์อีกชั้นหนึ่งว่าสมควรให้ออกจากงานฐานทำงานมานานหรือไม่ คณะทำงานอันประกอบด้วยพนักงานระดับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของจำเลยได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า โจทก์ผลงานไม่ดีขึ้น ไม่เอาใจใส่ต่องาน และไม่ติดตามตรวจสอบผลงาน สามารถหาคนแทนได้ อันเข้าหลักเกณฑ์ตามข้อบังคับจำเลยข้อ 9.2.1 ที่จะให้โจทก์ออกจากงานฐานทำงานอีกเหตุหนึ่งด้วย ดังนั้น การที่โจทก์ออกจากงานด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th