คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2540
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 193/34, 587
สัญญาจ้างทำของไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือเพียงแต่จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์และโจทก์ตกลงรับจ้างตามที่จำเลยว่าจ้าง สัญญาจ้างย่อมเกิดขึ้นผูกพันคู่สัญญาต้องปฏิบัติตามนั้น
ผู้รับจ้างฟ้องเรียกค่าจ้างหรือค่าตอบแทนรวมทั้งเงินทดรองที่ผู้รับจ้างจ่ายแทนผู้ว่าจ้างไปก่อนตามสัญญาจ้างทำของมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(7)
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนเมษายน 2535 จำเลยตกลงให้โจทก์ทำการโฆษณาโครงการหมู่บ้านจัดสรรของจำเลย ชื่อว่าโครงการการ์เด้นซิตี้เพลส โดยตกลงให้โจทก์จัดทำโฆษณาวางแผนการโฆษณาทุกชนิด จัดเตรียมงานโฆษณา ตลอดจนเป็นผู้ติดต่อสื่อโฆษณาทุกประเภท ในการนี้โจทก์มีหน้าที่ต้องทดรองจ่ายค่าบริการ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกิดจากการดำเนินการโฆษณาดังกล่าวแทนจำเลยไปก่อนแล้วจึงเรียกเก็บจากจำเลยภายหลังโดยจำเลยตกลงจะชำระค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 17.65 ของค่าบริการและค่าใช้จ่ายที่โจทก์ชำระไป หลังจากโจทก์ได้ดำเนินการจัดทำโฆษณาและวางแผนการโฆษณาให้จำเลยแล้ว จำเลยค้างค่าบริการ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่โจทก์ได้ทดรองจ่ายแทนจำเลยไปก่อนและค่าตอบแทนรวมหนี้หลายรายการทั้งสิ้น 1,348,876.41 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,383,845.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน1,260,632.16 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยว่าจ้างหรือตกลงให้โจทก์จัดทำโฆษณาโครงการหมู่บ้านจัดสรร เพียงแต่โจทก์เคยเสนอมาทำโฆษณาให้จำเลย จำเลยจึงให้โจทก์เสนอโครงการโฆษณาและเงื่อนไขต่าง ๆ ต่อจำเลย แต่ปรากฏว่าโครงการโฆษณาที่โจทก์เสนอมาไม่เป็นที่พอใจของคณะกรรมการจำเลย จำเลยได้แจ้งให้โจทก์แก้ไขใหม่แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม จำเลยจึงไม่ตกลงว่าจ้าง ดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายดังกล่าวของโจทก์ โจทก์ฟ้องคดีเกิน 6 เดือน จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,383,845.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 1,260,632.16 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ปัญหาประการที่สองมีว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำการโฆษณาโครงการหมู่บ้านจัดสรรหรือไม่ เห็นว่า การทำโฆษณาโครงการหมู่บ้านจัดสรรของจำเลยมีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงประชาชนให้มาสนใจและซื้อบ้านที่จำเลยจัดสร้างขึ้น จึงต้องมีค่าใช้จ่ายในการวางแผนจัดเตรียมงานโฆษณาและทำแบบโฆษณาเพื่อพิมพ์แจกจ่ายและลงโฆษณาตามสื่อสารมวลชน เช่น ลงตีพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์หรือรายเดือน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการขายตามเป้าหมายของการประกอบกิจการประเภทนี้ โจทก์นำสืบโดยมีเอกสารแสดงรายการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มที่โจทก์ทดรองจ่ายไปก่อนในแต่ละรายการอย่างละเอียดเนื่องในการทำงานรับจ้างทำโฆษณาให้แก่โครงการหมู่บ้านจัดสรรของจำเลย ตามใบแจ้งหนี้พร้อมคำแปลเอกสารหมาย จ.16 ถึง จ.29 และหลักฐานการชำระค่าใช้จ่ายของโจทก์เกี่ยวกับงานโฆษณาดังกล่าว ตามเอกสารหมาย จ.12 ถึง จ.15 รวมค่าตอบแทนค่าใช้จ่ายและค่าภาษีแล้วเป็นเงินมากกว่า 1,300,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมิใช่น้อย จึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นกรณีที่โจทก์เสนอโครงการโฆษณาและเงื่อนไขแก่จำเลยเพื่อจำเลยพิจารณาว่าจ้างโจทก์ แต่โครงการโฆษณาของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจของคณะกรรมการจำเลยเนื่องจากรูปแบบโฆษณาและภาพระบายสีไม่สมจริงโจทก์ไม่ยอมแก้ไข จำเลยจึงไม่ว่าจ้างโจทก์ ดังที่จำเลยให้การและนำสืบ เพราะหากกรณีเป็นไปตามข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวจริงแล้ว งานโฆษณาของโจทก์ก็ไม่น่าจะดำเนินไปถึงขั้นทำแบบโฆษณาซึ่งเป็นภาพสีไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และต้องเสียค่าจ้างรวมภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 772,540 บาท ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์ของโครงการหมู่บ้านจัดสรรของจำเลย นอกจากนี้ข้อความที่ลงพิมพ์ในโฆษณาดังกล่าวระบุถึงแบบบ้านบางแบบว่ามีการลดราคาพิเศษจากราคาเดิมเท่าใด ลดให้เท่าใดเหลือราคาเท่าใด ซึ่งเป็นข้อมูลที่โจทก์จะต้องได้รับจากจำเลยเท่านั้น โดยโจทก์มิอาจแต่งเติมขึ้นเองได้ จึงแสดงชัดว่าโจทก์ทำการหารือและได้รับความเห็นชอบจากจำเลยแล้วคดีมีเหตุผลเชื่อได้ว่า จำเลยได้ตกลงว่าจ้างโจทก์ทำการโฆษณาโครงการหมู่บ้านจัดสรรของจำเลยตามฟ้อง ที่จำเลยฎีกาว่า การว่าจ้างยังมิได้ทำสัญญาเป็นหนังสือ แสดงว่าจำเลยไม่ตกลงที่จะว่าจ้างโจทก์ และการจ้างที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไม่ผูกพันจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้นฟังได้ว่าจำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์และโจทก์ได้ลงมือทำงานโฆษณาตามที่รับจ้างจากจำเลยจนถึงขั้นทำแบบโฆษณาลงตีพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และจ่ายเงินทดรองแทนจำเลยไปรวมค่าตอบแทนเป็นจำนวนกว่า 1,300,000 บาท แม้ฟังตามทางนำสืบของจำเลยว่าโจทก์ส่งแบบพิมพ์ของสัญญาจ้างมาให้จำเลย แต่โจทก์และจำเลยยังมิได้ลงชื่อในสัญญาดังกล่าว ก็ไม่อาจฟังว่าสัญญาจ้างระหว่างโจทก์และจำเลยยังไม่เกิดขึ้นหรือจำเลยไม่ตกลงว่าจ้างโจทก์เพราะจำเลยไม่ได้ให้การว่าได้มีการตกลงกันว่าสัญญาอันมุ่งจะทำนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือ ดังนั้นเมื่อกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของสัญญาจ้างทำของซึ่งกฎหมายมิได้บังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือเพียงแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ว่าจ้างโจทก์และโจทก์ตกลงรับจ้างตามที่จำเลยว่าจ้างสัญญาจ้างย่อมเกิดขึ้นผูกพันคู่สัญญาต้องปฏิบัติตามนั้น และเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงต่อไปว่า โจทก์ได้ลงมือทำการงานตามที่จำเลยว่าจ้างและได้จ่ายเงินทดรองเกี่ยวกับงานที่ว่าจ้างแทนจำเลยไปก่อนตามข้อตกลงว่าจ้างโจทก์ของจำเลยแล้ว จำเลยก็ต้องรับผิดชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยแต่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนหรือไม่ ข้อนี้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาประการสุดท้ายมีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างหรือค่าตอบแทนรวมทั้งเงินทดรองที่โจทก์จ่ายแทนจำเลยไปก่อนตามข้อตกลง อันมีลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ มีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(7) ที่แก้ไขใหม่ หนี้ตามฟ้องโจทก์ที่ครบกำหนดชำระวันที่ 21 เมษายน 2535 ซึ่งเป็นหนี้ครบกำหนดชำระก่อนหนี้รายอื่นที่ระบุในคำฟ้อง หนี้ดังกล่าวนับถึงวันฟ้องคือวันที่ 3 มิถุนายน 2536 ยังไม่เกิน 2 ปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัท เจ วอลเตอร์ ธอมสัน จำกัด จำเลย - บริษัท การ์เด้นซิตี้โฮลดิ้ง จำกัด
ชื่อองค์คณะ วิชิน สุขนทีธรรม สมมาตร พรหมานุกูล กอบเกียรติ รัตนพานิช
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan