ได้ความว่า โจทก์ได้เคยฟ้องคดีก่อน ในคดีนั้นได้พิจารณาพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่โจทก์ฟ้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจขอบังคับตามฟ้องได้ จึงไม่ติดใจเอาความกับจำเลย และโจทก์แถลงรับว่า ที่ถอนฟ้องหมายถึงไม่ติดใจดำเนินคดีตลอดเรื่อง ศาลจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องคดีนี้อีกขอให้จำเลยทำสัญญาโอนขายที่ดินและเรียกค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ ให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อน ศาลมิได้พิพากษาหรือมีคำสั่งวินิจฉัยประเด็นที่ฟ้อง กรณีเป็นเรื่องถอนฟ้องจึงย่อมฟ้องใหม่ได้ ภายในอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175, 176

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังว่า ในคดีก่อนสืบพยานโจทก์บ้างแล้วโจทก์ขอถอนฟ้องเพราะที่ดินบางแปลงเปลี่ยนมือเป็นของผู้อื่นไม่สะดวกแก่การบังคับคดี จำเลยแถลงในคดีนั้นว่า ที่โจทก์ถอนฟ้องหมายถึงไม่ติดใจดำเนินคดีตลอดเรื่องใช่ไหม ฝ่ายโจทก์ว่าถูกแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนั้น ศาลยังมิได้ชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาท จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 และกรณีเช่นนี้มิใช่เรื่องปรานีประนอมยอมความตามมาตรา 175(2) โจทก์มีสิทธิฟ้องใหม่ได้ตามมาตรา 176 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา