คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2567
ประมวลกฎหมายอาญา ม. 52 (1), 86 ป.ยาเสพติด ม. 90, 145 วรรคสาม (2), 152
จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่กระทำความผิดตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ซึ่งศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ก่อนลดโทษให้ประหารชีวิต ดังนั้น โทษสองในสามส่วนของโทษประหารชีวิตจึงเท่ากับจำคุกตลอดชีวิต เทียบ ป.อ. มาตรา 52 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานนี้ก่อนลดโทษ ให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลงโทษปรับ และมิได้เพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 2 ด้วย จึงชอบแล้ว เพราะศาลอุทธรณ์ไม่ได้ลงโทษสองในสามส่วนของโทษจำคุกที่ต้องลงโทษปรับด้วยเสมอตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 152
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 97, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลาง เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมาย และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1081/2563 ของศาลชั้นต้น กับนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1462/2560 ของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 และมาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 และมาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตลอดชีวิต และปรับคนละ 2,000,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 กระทงละกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้อีก คงเพิ่มโทษได้เฉพาะโทษปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต และปรับ 3,000,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 เดือน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 3 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน 15 วัน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิตสถานเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 3,000,000 บาท ปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 2,000,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 1081/2563 ของศาลชั้นต้น และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1462/2560 ของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 16
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 104, 145 วรรคสาม (2), 162 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 104, 145 วรรคสาม (2), 162 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐให้จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตลอดชีวิต ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 2 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เมื่อลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษในความผิดฐานนี้ได้อีก ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุก 2 เดือน 20 วัน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 1 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 เดือน 10 วัน ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ คำให้การของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 33 ปี 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 5 เดือน 10 วัน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 33 ปี 5 เดือน การนับโทษต่อและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อนุญาต
ศาลฎีกาแผนกคดียาเสพติดวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำคุกตลอดชีวิต โดยไม่ลงโทษปรับและมิได้เพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ก่อนลดโทษให้ประหารชีวิต ดังนั้น โทษสองในสามส่วนของโทษประหารชีวิตจึงเท่ากับจำคุกตลอดชีวิต เทียบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 (1) ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานนี้ก่อนลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิต โดยไม่ลงโทษปรับและมิได้เพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 2 ด้วย นั้น จึงชอบแล้ว เพราะศาลอุทธรณ์ไม่ได้ลงโทษสองในสามส่วนของโทษจำคุกที่ต้องลงโทษปรับด้วยเสมอตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 152 ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อย.650/2567
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา จำเลย - นาย ต. กับพวก
ชื่อองค์คณะ เฉลิมชัย จินะปริวัตอาภรณ์ รัฐธีย์ ยมจินดา ชุมพล อรรถเสถียร
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดสงขลา - นายอุทัย ปล้องใหม่ ศาลอุทธรณ์ - นางยุพา วงศ์ทองทิว