ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทประกอบการค้าอยู่ ณ สหรัฐอเมริกาเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีนายเจมส์ เอส เบเคอร์ เป็นประธานกรรมการและมีอำนาจทำการแทนโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายปริญญา จันทร์เรืองฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการเป็นนายหน้าตัวแทนและสั่งสินค้าจากต่างประเทศ มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2514 โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนโดยได้รับบำเหน็จเสนอขายหม้อแปลงไฟฟ้า 1 ชุด รวมทั้งการทำภาพและผังต่อบริษัทไฟฟ้าฟิลลิปส์แห่งประเทศไทย จำกัดในราคา 16,780ดอลล่าร์สหรัฐ (เท่ากับ 349,024 บาท) บริษัทไฟฟ้าฟิลลิปส์ฯ ตกลงรับซื้อ โจทก์ได้ส่งสิ่งของให้ผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว บริษัทไฟฟ้าฟิลลิปส์ฯได้ชำระค่าสิ่งของจำนวนดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นตัวแทนโจทก์โจทก์ทวงถามเงินจำนวนนี้จากจำเลยแล้ว จำเลยเพิกเฉยจึงขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 349,024 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินหมด

จำเลยทั้งสองให้การร่วมกันว่า โจทก์ไม่ใช่นิติบุคคลเพราะไม่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย และไม่มีหลักฐานว่านายเจมส์เอส เบเคอร์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่เคยเป็นตัวแทนของโจทก์ขายสินค้าตามฟ้องให้บริษัทไฟฟ้าฟิลลิปส์ฯ การซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้าระหว่างโจทก์กับบริษัทไฟฟ้าฟิลลิปส์ฯ รายนี้ผู้ซื้อมีหน้าที่ชำระสินค้าให้โจทก์ด้วย จำเลยไม่เคยรับเงินค่าสินค้าแทนโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีนายเจมส์เอส เบเคอร์ เป็นประธานกรรมการมีอำนาจทำการแทนโจทก์ จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของโจทก์ขายหม้อแปลงไฟฟ้าให้บริษัทไฟฟ้าฟิลลิปส์ฯ และได้รับเงินไปจากบริษัทไฟฟ้าฟิลลิปส์แล้ว 352,380 บาท จึงพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 349,024 บาท เท่าที่โจทก์ขอ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ให้การคัดค้านว่าโจทก์ไม่ใช่นิติบุคคลตามกฎหมายสหรัฐอเมริกา โจทก์มีนายปริญญา จันทร์เรือง มาเบิกความยืนยันว่าโจทก์เป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนที่สหรัฐอเมริกาและปรากฏตามภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องว่า บริษัทเจมส์ เอส เบเคอร์ เป็นบริษัทอเมริกัน สำนักงานอยู่ในรัฐแคลิฟอเนีย เป็นการเพียงพอที่จะฟังว่าบริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาแล้ว แม้จะไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยก็ฟ้องคดีในศาลไทยได้ ส่วนที่จำเลยคัดค้านว่าใบมอบอำนาจมิได้ปิดอากรแสตมป์รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสอง มิได้บัญญัติว่าโจทก์จะต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจติดมากับฟ้อง ทั้งศาลก็ไม่ได้สั่งให้โจทก์ส่งใบมอบอำนาจเพราะมีเหตุอันควรสงสัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 โจทก์จึงไม่ต้องส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจต่อศาล เมื่อไม่มีความจำเป็นที่โจทก์จะต้องส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว ข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าเอกสารฉบับนี้มิได้ปิดอากรแสตมป์จึงตกไป

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th