ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้เงินกู้ จำนวน18,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราชั่งละ 1 บาท ต่อเดือนนับแต่วันกู้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้ชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2524 แล้ว
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ และจำเลยที่ 2 ไม่ได้ค้ำประกันเงินกู้ต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์จริงเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2523 โจทก์เขียนนามบัตรเอกสารหมาย ล.1มอบให้นางปราณีไปเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินให้นางปราณีหลายครั้งจนครบถ้วน นางปราณีได้ลงลายมือชื่อรับเงินไว้ด้วยตามเอกสารหมาย ล.3 แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าเอกสารหมาย ล.1 มีข้อความว่า "เรียนคุณสลับ ผลาทิพย์(จำเลยที่ 1) เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้น ขอให้ฝากคุณปราณีไปให้ผม ตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณปราณีไปด้วย ถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเอง ถ้าจะผ่อนชำระผมให้คุณปราณีมารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย" เห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานเป็นหนังสือตั้งนางปราณีเป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้จากจำเลยที่ 1 และได้ความตามเอกสารหมาย ล.3ว่า จำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ให้นางปราณีตัวแทนโจทก์โดยการผ่อนชำระหลายครั้ง มิได้ชำระให้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียวเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขของโจทก์ที่วางไว้โดยถูกต้องตามข้อความที่ว่าถ้าจะผ่อนชำระโจทก์ให้นางปราณีมารับจากจำเลยที่ 1 ส่วนข้อความในเอกสารหมาย ล.1 ที่ว่าตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณปราณีไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกผมด้วยก็ดีข้อความดังกล่าวเป็นเพียงคำขอร้องของโจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 มากกว่า มิใช่เป็นเงื่อนไขในการมอบอำนาจให้นางปราณีรับชำระหนี้แทนโจทก์แต่อย่างใดดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้นางปราณีโดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ จึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า การชำระหนี้ของจำเลยที่ 1มิได้รับสัญญากู้ยืมเงินคืนจากโจทก์เป็นการชำระหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเอกสารหมาย ล.3 ระบุไว้ชัดแจ้งว่านางปราณีตัวแทนของโจทก์ได้รับชำระหนี้เงินกู้จากจำเลยที่ 1ครบถ้วนตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2524 แล้ว โดยนางปราณีลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวแทนของโจทก์ผู้ให้กู้ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้เงินกู้ยืมให้โจทก์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสอง แล้ว ไม่จำต้องรับเวนคืนสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์อีก
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







