ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนทำให้พนักงานสอบสวนหลงเชื่อ ทำการสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการฟ้องโจทก์กับพวกในคดีอาญาหาว่ารับสิ่งของไว้โดยรู้ว่าเป็นสิ่งของที่หลีกเลี่ยงอากรขาเข้าและจำเลยทั้งสองเบิกความเท็จในคดีอาญา นั้น แต่ศาลไม่เชื่อพยานโจทก์จึงพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาฐานสมคบกันแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ จำเลยทั้งสองรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง คดีถึงที่สุด เนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย รวม 53,000 บาท กับดอกเบี้ยและให้ประกาศหนังสือพิมพ์ถึงความบริสุทธิ์ของโจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การรับว่าเป็นความจริงดังโจทก์ฟ้องและโจทก์เสียหายจริงตามฟ้อง แต่จำเลยไม่มีเงินใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

จำเลยที่ 2 ให้การรับว่า ได้แจ้งความและเบิกความเท็จและถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จจริงแต่ต่อสู้ว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ เพราะเจ้าพนักงานจับกุมโจทก์ก็โดยได้รับแจ้งจากสายลับและว่าค่าเสียหายอย่างมากไม่เกิน 1,000 บาท

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้อง คำให้การและสอบถามโจทก์ว่า จะสืบพยานว่าอย่างไร โจทก์แถลงว่า จะขอสืบตามฟ้องตลอดถึงค่าเสียหายด้วยศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยว่าแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ทั้งศาลก็ได้พิพากษาลงโทษจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้ว ดังนี้ ก็ต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาและวินิจฉัยได้แล้วว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์โดยตรง โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดตามที่โจทก์เสียหายในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420, 438 แต่จำเลยที่ 2 ยังปฏิเสธจำนวนค่าเสียหายอยู่ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน 2 ฝ่าย จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว จำเลยที่ 1 รับสารภาพตามฟ้อง ไม่มีข้อต่อสู้ประการใดเลย แม้จำเลยที่ 2 ก็รับตามฟ้อง ปฏิเสธแต่จำนวนค่าเสียหายกับต่อสู้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในการพิจารณาคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา คือ ฟังว่าจำเลยได้แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จจริง ซึ่งการกระทำดังนี้เป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทดแทนเพื่อเหตุละเมิดได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240, 438 และศาลจะต้องฟังคำพยานของคู่ความต่อไปเฉพาะในเรื่องจำนวนค่าเสียหายเท่านั้น เพราะจำเลยที่ 2 ปฏิเสธอยู่

ศาลฎีกาพิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th