ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งขายที่ดินทางส่วนใต้ของโฉนดที่ดินเลขที่ 1618 เนื้อที่ 2 ไร่ 80 ตารางวาให้โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 44,000 บาท โจทก์ทั้งสองชำระเงินให้จำเลยไปในวันทำสัญญาเป็นเงิน 30,000 บาท คงค้างอีก 14,000 บาทจำเลยได้ส่งมอบที่ดินให้โจทก์ทั้งสองครอบครองทำประโยชน์ตั้งแต่วันทำสัญญา และรับว่าจะไถ่ถอนจำนองจากธนาคารกรุงไทยจำกัด แล้วนำไปขอจดทะเบียนแบ่งแยกให้โจทก์ทั้งสองภายในเดือนมีนาคม 2532 และโจทก์ทั้งสองจะชำระเงินส่วนที่เหลือในวันจดทะเบียนโอนเมื่อถึงเดือนมีนาคม 2532 จำเลยผัดผ่อนอ้างว่า ยังไม่มีเงินไถ่ถอนจำนองธนาคาร โจทก์ทั้งสองได้ตรวจสอบพบว่าจำเลยได้ไถ่ถอนจำนองจากธนาคารกรุงไทย จำกัดแล้วแต่ไม่ไปจดทะเบียนแบ่งแยกโอนให้โจทก์ทั้งสอง ขอให้บังคับจำเลยไปยื่นคำขอรังวัดจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่1618 ต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้วขายให้โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และให้จำเลยรับชำระค่าที่ดินจำนวน 14,000 บาท จากโจทก์ทั้งสอง

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับโจทก์ทั้งสองตามฟ้อง แต่เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดและยังชำระราคาไม่หมด จำเลยทวงถามจากโจทก์ทั้งสองหลายครั้งแต่โจทก์ทั้งสองไม่ยอมชำระอ้างว่าไม่ประสงค์จะเอาที่ดินแล้วคู่กรณีต้องกลับคืนสู่สภาพเดิม ขอให้ยกฟ้องและขอให้โจทก์ทั้งสองรื้อถอนบ้านเลขที่ 156 สิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ออกจากที่ดินจำเลยให้โจทก์ทั้งสองและบริวารออกไปจากที่ดินจำเลยและใช้ค่าเสียหาย นับแต่วันฟ้องจนกว่าโจทก์ทั้งสองจะออกไปจากที่ดินจำเลย

โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปยื่นคำขอรังวัดจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดิน โฉนดเลขที่ 1618 ตำบลท่าช้าง อำเภอวิเศษชัยชาญจังหวัดอ่างทอง ตามแผนที่พิพาท ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอ่างทอง และจดทะเบียนโอนขายให้โจทก์ทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยรับเงินค่าที่ดินค้างชำระจำนวน14,000 บาท จากโจทก์ทั้งสอง ยกฟ้องแย้งของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายมีความว่า "ผู้ขายได้ขายที่นาโฉนดที่ 1618 2 ไร่เศษ ให้แก่ผู้ซื้อ และยอมส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อชำระไว้ 30,000 บาท ก่อน และยังค้างผู้ซื้ออีก 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทเศษ)" เห็นว่าสัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่ได้ระบุจำนวนเนื้อที่ดินไว้แน่นอน และไม่ได้กำหนดเวลาชำระเงินที่เหลือไว้ จึงเป็นสัญญาที่ไม่ชัดแจ้ง การที่โจทก์ทั้งสองนำสืบพยานบุคคลว่า ยังต้องทำการรังวัดจำนวนเนื้อที่ดินกันก่อน แล้วจึงชำระราคาส่วนที่เหลือในวันโอนกรรมสิทธิ์ เป็นการนำสืบถึงข้อตกลงต่างหากจากสัญญาซื้อขายเพื่อให้สัญญาชัดเจนขึ้นและปฏิบัติตามสัญญาได้ โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธินำสืบพยานบุคคลได้ ไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อความในเอกสารแต่อย่างใด เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยยังต้องไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทก่อนจึงจะทำการโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาที่เหลือ จึงไม่เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด และไม่เป็นโมฆะ

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th