คำสั่งคำร้องที่ ท. 278/2567
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 220, 221
ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกา ถือว่าเป็นดุลพินิจเด็ดขาดของผู้พิพากษาผู้นั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ดุลพินิจดังกล่าวต่อศาลฎีกาได้ แม้โจทก์จะอ้างอีกว่าฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด แต่ก็ไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจแก่ศาลฎีกาที่จะรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 341, 343
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกา ผู้พิพากษาดังกล่าวพิจารณาแล้วไม่อนุญาต ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา
โจทก์ยื่นคำร้องนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 แม้นาย อ. ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ลงลายมือชื่อต่อจากนาย ร. ก็ตาม แต่ก็ลงลายมือชื่อใต้ข้อความที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกาด้วยเช่นกัน ถือว่าได้พิจารณาและมีความเห็นตามคำร้องของโจทก์ครบถ้วน และชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกา อันถือว่าเป็นดุลพินิจเด็ดขาดของผู้พิพากษาผู้นั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ดุลพินิจดังกล่าวต่อศาลฎีกาได้ แม้โจทก์จะอ้างอีกว่าฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด แต่ก็ไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจแก่ศาลฎีกาที่จะรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา คร.อท.55/2567
แหล่งที่มา หนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา