ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 27 กันยายน 2532เวลากลางวัน ถึงวันที่ 29 มกราคม 2533 เวลากลางวันจำเลยซึ่งรับราชการปฏิบัติหน้าที่ครูการเงินและบัญชี มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารดูแลรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงินและบัญชีควบคุมดูแลเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเงินทุกประเภท จำเลยได้กรอกข้อความและลงลายมือชื่อของนางบุญเจือ ดิษฐ์ไชยวงศ์หรือดิษฐ์ไชยวงค์ และบุคคลอื่นอีกหลายคนในสัญญารับรองการยืมเงินว่าบุคคลเหล่านั้นยืมเงินค่าวัสดุอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายในกิจการของโรงเรียนพิจิตรพิทยาคมอันเป็นความเท็จ และปลอมลายมือชื่อของนายเรือง ปาเฉยผู้อำนวยการโรงเรียนกับพวกเป็นผู้อนุมัติให้ยืมเงิน ปลอมสัญญารับรองการยืมเงินของนางบุญเจือ และบุคคลอื่นดังกล่าวโดยเพิ่มเติมข้อความหรือแก้ไขตัวเลขให้สูงขึ้น แล้วเบียดบังเงินส่วนนั้นเป็นของตนโดยทุจริต ซึ่งจำเลยได้กระทำการปลอมเอกสารในคดีทั้งสองสำนวนรวม 72 ฉบับ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 91, 147, 157, 161 ริบเอกสารของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 582,167 บาทแก่โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม จังหวัดพิจิตร กรมสามัญศึกษา

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 161 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยลงโทษตามมาตรา 147 รวม 36 กระทง จำคุกกระทงละ 7 ปี ตามมาตรา 161 อีก 36 กระทงจำคุกกระทงละ 2 ปี เนื่องจากความผิดตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจึงให้ลงโทษจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ริบของกลาง ให้จำเลยคืนเงิน 582,167 บาท แก่โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม

จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการตำแหน่งหัวหน้างานการเงินของโรงเรียนพิจิตรพิทยาคม มีหน้าที่เบิกจ่ายเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณทุกเรื่อง ทำรายงานเกี่ยวกับการเงินและควบคุมดูแลเงินกับเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการเงินทุกประเภทในระหว่างที่จำเลยดำรงตำแหน่งดังกล่าว ปรากฏว่ามีผู้ทุจริตปลอมแปลงเอกสารสัญญารับรองการยืมเงินนอกงบประมาณ ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลยรวม 72 ฉบับแล้วเบียดบังเงินไปจำนวนรวม 2,657,578 บาท

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า ตนไม่ได้ปลอมเอกสารกับเบียดบังเงินของโรงเรียนนั้นคงมีแต่จำเลยปากเดียวเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานอื่นมาเบิกความสนับสนุนข้ออ้างของตนแต่อย่างใด เป็นพยานหลักฐานที่เลื่อนลอย ไม่มีเหตุผลให้รับฟังและไม่สามารถหักล้างหลักฐานของโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

อนึ่ง ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติแล้วว่า การที่จำเลยปลอมและใช้เอกสารปลอมก็โดยมีเจตนาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินเป็นของตน การที่จำเลยเบียดบังเงินแต่ละครั้งจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม 36 กระทง เท่านั้นที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยในความผิดตามมาตรา 147 และมาตรา 161 เป็นความผิดหลายกรรมและพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 147 รวม 36 กระทง กับมาตรา 161รวม 36 กระทงนั้นไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง และที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน582,167 บาท แก่โรงเรียนพิจิตรพิทยาคมนั้น ยังไม่ถูกต้องตามคำขอของโจทก์จึงเห็นสมควรแก้ไขให้สมบูรณ์ด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 161 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยเบียดบังเงินไปรวม 36 ครั้ง จึงเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 36 กระทง จำคุกกระทงละ 7 ปี เป็นโทษจำคุกรวม 252 ปี แต่เนื่องจากความผิดตามมาตรา 147 ระวางโทษจำคุกขึ้นสูงเกินกว่าสิบปีขึ้นไป เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ริบของกลางให้จำเลยคืนเงิน 582,167 บาท แก่โรงเรียนพิจิตรพิทยาคมจังหวัดพิจิตร กรมสามัญศึกษา

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th