ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติและพระราชบัญญัติป่าไม้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม ริบของกลาง จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบไม้ 3 ท่อนรถแทรกเตอร์ 1 คัน และรถยกไม้ 2 คันของกลาง คดีถึงที่สุด

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถแทรกเตอร์ 1 คันและรถยกไม้ 2 คัน ของกลาง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าว ขอให้สั่งคืนรถแทรกเตอร์ 1 คันและรถยกไม้ 2 คันของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้เป็นเจ้าของรถแทรกเตอร์1 คันและรถยกไม้ 2 คันของกลาง หรือหากเป็นเจ้าของ ผู้ร้องก็รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยเป็นข้อแรกตามที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางหรือไม่ ในปัญหานี้เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา36 มิได้บัญญัติไว้โดยชัดเจนว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ริบไม่อาจขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินนั้นในภายหลังโดยอ้างว่ามิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดแต่ก็เห็นได้ว่าการขอคืนทรัพย์สินของกลางที่ศาลได้สั่งริบตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 บัญญัติไว้นั้น เป็นเรื่องให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่จำเลยในคดีนั้นเท่านั้นที่จะยื่นคำร้องขอคืนทรัพย์สินของกลางที่ศาลได้สั่งริบโดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของแท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดหาใช่จำเลยในคดีนั้นจะใช้สิทธิเช่นนั้นได้ด้วยไม่ ทั้งนี้เพราะหากจำเลยเป็นเจ้าของแท้จริงของทรัพย์สินของกลางที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งริบและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดนั้นจำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นพิจารณาคดีนั้นว่าจำเลยเป็นเจ้าของแท้จริงของทรัพย์สินดังกล่าวและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ทั้งมีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลที่สั่งริบทรัพย์สินนั้นได้อยู่แล้วดังนั้นเมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลสั่งริบทรัพย์สินของกลาง จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินของกลางได้อีก ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางนั้น จึงชอบแล้ว"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th