คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2525
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 537, 656, 801 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 60
การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นจำเลยหรือผู้ใด และแม้ว่าขณะมอบอำนาจโจทก์ยังไม่มีสิทธิ์ไล่เบี้ยหรือรับช่วงสิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลย ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจนั้นเสียไป
ว. เช่าสถานที่สถานีบริการน้ำมันจอดรถ โดยนำรถเข้าไปจอดเองแล้วนำกุญแจรถกลับไปด้วย ต้องดูแลรับผิดชอบรถเองโดยจำเลยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจอดรถ ทั้งยังมี ข้อตกลงกันว่าให้เช่าเฉพาะที่จอดรถ ไม่รับผิดชอบในการที่รถสูญหายหรือเสียหายด้วย ใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ก็เขียนไว้ทุกฉบับว่าเป็นค่าเช่าที่จอดรถดังนี้ ข้อตกลงและพฤติการณ์ที่ปฏิบัติต่อกันระหว่างจำเลยกับ ว. เป็นเรื่องให้เช่าที่จอดรถ จำเลยมิได้รับมอบรถเพื่อเก็บรักษาไว้ในความอารักขาแห่งตน จึงไม่เป็นการรับฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายเกี่ยวกับรถที่สูญหาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร 8ม - 0188 ไว้ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงและรับฝากรถยนต์ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญารับฝากรถยนต์ของนายวีระยุทธ4 คัน รวมทั้งคันหมายเลขทะเบียน ก.ท. 8ม - 0188 ด้วย โดยเรียกค่าบำเหน็จในการรับฝากคันละ 150 บาทต่อเดือน โดยมีข้อกำหนดเวลารับฝากต่อคันและจำเลยทั้งสองสัญญาว่าจะเก็บรักษารถยนต์ที่จอดในปั๊มไว้ในอารักขาแห่งตนในเวลากลางคืน นายวีระได้มอบหมายให้ผู้มีชื่อนำรถยนต์หมายเลขทะเบียน กท. 8ม - 0188 ไปฝากไว้ที่ปั๊มจำเลยที่ 1 ตามข้อตกลงปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวหายไป จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิด โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้วโจทก์จึงรับช่วงสิทธิตามกฎหมาย จำเลยไม่ชำระขอให้บังคับ
จำเลยทั้งสองให้การว่า หนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองไม่เคยรับฝากรถยนต์คันเกิดเหตุ นายวีระยุทธเคยเช่าสถานที่จอดรถของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยเกี่ยวด้วยเรื่องอำนาจฟ้องว่า หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายวีระพล หรือตระกูล มีอำนาจดำเนินคดีเกี่ยวกับส่วนได้เสียของบริษัทไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาหรือคดีล้มละลายแทน และในนามของบริษัทได้ โดยมีอำนาจแต่งตั้งทนายความ รับเอาตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้องการประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือการใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาหรือในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ จึงมิใช่ใบมอบอำนาจทั่วไปดังที่จำเลยแก้ฎีกา แต่เป็นใบมอบอำนาจให้นายวีระพลฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งที่เกี่ยวกับส่วนได้เสียของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801(5) ใบมอบอำนาจเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นจำเลยหรือผู้ใด และแม้ว่าขณะมอบอำนาจ โจทก์ยังไม่มีสิทธิไล่เบี้ยหรือรับช่วงสิทธิเรียกเอาแก่จำเลยก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจของโจทก์ดังกล่าวเสียไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้
ส่วนในปัญหาที่ว่าเป็นการรับฝากรถหรือให้เช่าที่จอดรถนั้นฟังได้ว่านายวีระยุทธตกลงกับจำเลยที่ 1 เช่าสถานที่บริการน้ำมันจอดรถโดยนายวีระยุทธหรือลูกจ้างนำรถเข้าไปจอดเอง ปิดกระจก ใส่กุญแจ ประตูรถเองทุกครั้ง แล้วนำกุญแจกลับไปด้วย ต้องดูแลรับผิดชอบรถเอง ถ้าจอดเกะกะจำเลยที่ 1 จะให้คนโทรศัพท์ให้ไปจอดให้เรียบร้อย จำเลยที่ 1 ไม่จัดการจอดรถให้ ไม่รับฝากกุญแจรถและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจอดรถ ทั้งยังมีข้อตกลงกันอีกว่าจำเลยที่ 1 ให้เช่าเฉพาะที่จอดรถ จะไม่รับผิดชอบในการที่รถสูญหายหรือเสียหายด้วย ใบเสร็จรับเงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่นายวีระยุทธก็เขียนไว้ชัดเจนทุกฉบับว่าเป็นค่าเช่าที่จอดรถ ดังนั้นข้อตกลงและพฤติการณ์ที่ปฏิบัติต่อกันระหว่างจำเลยที่ 1 กับนายวีระยุทธ จึงเป็นเรื่องเช่าที่จอดรถ จำเลยที่ 1 มิได้รับมอบรถเพื่อเก็บรักษาไว้ในความอารักขาแห่งตนอันเป็นการรับฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดในความเสียหายเกี่ยวกับรถที่สูญหายนี้ต่อนายวีระยุทธหรือต่อโจทก์ผู้รับช่วงสิทธิจากนายวีระยุทธ
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัทพิพัทธ์ประกันภัยจำกัด จำเลย - ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศิริเพชรเซอร์วิส กับพวก
ชื่อองค์คณะ ประมุข สวัสดิ์มงคล สุนทร วรรณแสง สุทิน เลิศวิรุฬห์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan