คำสั่งคำร้องที่ ท. 288/2567
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 46
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาหมายความเพียงว่า ถ้ามีคำพิพากษาคดีส่วนอาญาถึงที่สุดแล้ว ในการพิจารณาพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อคดีอาญาที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นโจทก์ฟ้อง ร. เป็นจำเลยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น คดียังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ประกอบกับศาลฎีกาทำคำพิพากษาคดีนี้เสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาของศาลชั้นต้น กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาและอนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมตามขอได้
ผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งห้าไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทรัพย์สินในชื่อผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 3 ตามรายการในคำพิพากษาศาลชั้นต้นตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 3 ส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินหรือทรัพย์สินที่มีคำพิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดิน หรือเอกสารที่เกี่ยวกับการรับช่วงทรัพย์ของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าว พร้อมกับให้โอนกรรมสิทธิ์หรือชำระเงินพร้อมดอกผลข้างต้นแก่แผ่นดินโดยกระทรวงการคลัง ถ้าไม่โอนให้ถือเอาคำสั่งของศาลแทนการแสดงเจตนาให้ยกคำขอในส่วนทรัพย์สินที่ไม่มีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน และคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้อง ผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ทรัพย์สินในชื่อของผู้ถูกกล่าวหา ผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 3 และผู้คัดค้านที่ 5 ตามรายการในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คดีอยู่ระหว่างการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องนี้ (รวม 3 ฉบับ)
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าคดีนี้มีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นใหม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลฎีกา ขอให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาและขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาโดยผู้ถูกกล่าวหาเป็นโจทก์ฟ้องนาย ร. เป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1004/2566 ของศาลจังหวัดนนทบุรี เรื่องความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ในกรณีนาย ร. ให้การต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าของทองคำพิพาทในคดีนี้ ซึ่งศาลจังหวัดนนทบุรีไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาแล้วข้อเท็จจริงและผลของคำพิพากษาคดีดังกล่าวมีผลโดยตรงต่อประเด็นสำคัญในคดีนี้ และสามารถเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาคดีนี้ นั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาหมายความเพียงว่า ถ้ามีคำพิพากษาคดีส่วนอาญาถึงที่สุดแล้ว ในการพิจารณาพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อคดีอาญาที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นโจทก์ฟ้องนาย ร. เป็นจำเลยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น คดียังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ประกอบกับศาลฎีกาทำคำพิพากษาคดีนี้เสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาของศาลชั้นต้น กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาและอนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมตามขอได้ ให้ยกคำร้อง และไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ของผู้ถูกกล่าวหา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ท.508/2567
แหล่งที่มา หนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา