ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง เฉพาะประเด็นเรื่องการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ค่าชดเชยและค่าเสียหาย ให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดไม่มีเหตุอันสมควรจึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ไม่มีเหตุที่จำเลยและโจทก์จะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมในอัตราค่าจ้างที่ได้รับในขณะเลิกจ้าง และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์แต่ละคนเท่ากับอัตราค่าจ้างและค่าครองชีพนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม คำขออื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์ที่ 14 ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ 14 ไม่เป็นธรรม เป็นกรณีที่โจทก์ที่ 14 ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสิทธิตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดหรือแบ่งแยกประเภทของลูกจ้างที่มีสิทธิฟ้องร้องไว้ ย่อมหมายถึงลูกจ้างทุกประเภทมีสิทธิฟ้องร้องนายจ้างได้ในกรณีที่ถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ฉะนั้นไม่ว่าโจทก์ที่ 14 จะเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายวันหรือลูกจ้างประจำ โจทก์ที่ 14 ก็ได้รับความคุ้มครองจากมาตรา 49 เช่นเดียวกัน การที่จำเลยตกลงรับโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยโจทก์ย่อมหวังที่จะเป็นลูกจ้างของจำเลยสืบไปโดยจะไม่ถูกเลิกจ้างโดยปราศจากเหตุอันสมควร ดังนั้นเพื่อเป็นหลักประกันแก่ลูกจ้างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 จึงบัญญัติให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างไว้ในมาตรา 49 ว่ากรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างไม่เป็นธรรมหรือไม่มีเหตุอันสมควรลูกจ้างมีสิทธิฟ้องร้องบังคับให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือใช้ค่าเสียหายได้การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยประสงค์เพียงจะรับทหารผ่านศึกซึ่งพิการทุพพลภาพและครอบครัวเข้าทำงานแทนนั้น จำเลยน่าจะได้ดำเนินการเสียก่อนรับโจทก์เข้าทำงานเมื่อจำเลยรับโจทก์เข้าทำงานแล้วและไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยแต่ประการใดการที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ย่อมเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความกระทบกระเทือนต่อการประกอบอาชีพตามปกติจึงไม่ใช่เหตุอันสมควร ต้องถือว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยมีงบประมาณจำนวนจำกัดและไม่มีตำแหน่งงานให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้วก็มิได้จ้างบุคคลอื่นเข้าทำงานแทน หากจะให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน จำเลยไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามได้ เห็นว่าข้ออุทธรณ์ข้อนี้จำเลยมิได้ให้การเป็นประเด็นไว้ในคำให้การแต่อย่างใด จึงเป็นเรื่องที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา ADMIN

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th