ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 92 และเพิงไม่มีเลขที่อีก 1 หลัง ออกไปจากที่ดินของโจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 2,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์

ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่กรรม นางวัฒนา เทียนบางทายาทของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังวันที่ 3 สิงหาคม 2537 ครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ในวันที่3 กันยายน 2537 ในวันที่ 3 กันยายน 2537 เป็นวันเสาร์หยุดราชการจำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 5 กันยายน 2537 ซึ่งเป็นวันเริ่มทำการได้ ในวันดังกล่าวนางวัฒนา เทียนบาง ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้มรณะเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2537นางวัฒนา เป็นบุตรของจำเลยไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีพอที่จะยื่นอุทธรณ์ ขอให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์อีก 20 วันนับแต่วันดังกล่าว นางวัฒนายื่นคำร้องขอเพื่อเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยในขณะที่คดียังไม่พ้นเวลาที่จำเลยจะยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ประกอบกับคดียังสามารถอุทธรณ์ต่อไปได้คดีจึงไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 147 วรรคสอง ถือได้ว่าเป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลระหว่างอุทธรณ์ นางวัฒนามีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลชั้นต้นรับคำร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยและมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 และ 43 เสียก่อนที่จะมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 5 กันยายน2537 อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไป 10 วัน ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้นางวัฒนาเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2537 จึงไม่ชอบแต่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2537 อนุญาตให้นางวัฒนาเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยแล้วอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 20 วันตามที่ทนายจำเลยแถลงชอบแล้ว ต่อมาวันที่ 12 ตุลาคม 2537จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นจึงเป็นการยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลอนุญาตแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยเพราะจำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th