สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2910/2537

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2910/2537

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 4 เดิม (2) พระธรรมนูญศาลยุติธรรม ม. 14

การยื่นคำร้องขอฟ้องคดีต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) เดิม กฎหมายให้พิจารณาถึงความสะดวกเป็นสำคัญว่าจะให้ฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลนั้นหรือไม่ เมื่อมูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดชลบุรีโจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดชลบุรีได้และโจทก์จะยื่นคำร้องเมื่อศาลจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งรับฟ้องแล้วก็ได้เมื่อศาลจังหวัดชลบุรีได้ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรีแล้ว คำฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) เดิมศาลจังหวัดชลบุรีมีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็ค พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยจ่ายเช็คให้นายสาโรช ดีวินิจ เพื่อค้ำประกันงานก่อสร้างระหว่างจำเลยกับนายสาโรช ต่อมาโจทก์ได้คบคิดกับนายสาโรช ทำการฉ้อฉลจำเลยนำเช็คมาฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรี ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาอ่าวอุดม ซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายโดยระบุในคำฟ้องว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่แขวงคันนายาว เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นศาลที่มูลคดีเกิดโดยมิได้ยื่นคำร้องดังกล่าวพร้อมคำฟ้อง ศาลจังหวัดชลบุรีจึงไม่มีอำนาจใช้ดุลพินิจรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา พยานหลักฐานในสำนวนได้ความว่า คดีนี้ศาลจังหวัดชลบุรีได้สั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2533 ซึ่งเป็นวันยื่นคำฟ้องต่อมาในระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2533 อ้างว่า คดีนี้จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีเรื่องนี้ได้เกิดและพยานหลักฐานต่าง ๆของโจทก์อยู่ในเขตศาลจังหวัดชลบุรี การพิจารณาคดีในศาลจังหวัดชลบุรีจะเป็นการสะดวก จึงขออนุญาตฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรีศาลจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งอนุญาต ศาลฎีกาเห็นว่า การยื่นคำร้องขอฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) เดิมนั้น กฎหมายให้พิจารณาถึงความสะดวกเป็นสำคัญว่าจะให้ฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลนั้นหรือไม่และเมื่อมูลคดีนี้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดชลบุรี โจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดชลบุรีได้ และโจทก์จะยื่นคำร้องเมื่อศาลรับคำฟ้องแล้วก็ได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1927/2516ระหว่าง บริษัทส่งเสริมปอแห่งประเทศไทย จำกัด โจทก์นายสุพจน์ ศิริเชษฐ กับพวก จำเลย เมื่อศาลจังหวัดชลบุรีได้ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรีที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลแล้ว คำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) เดิม ศาลจังหวัดชลบุรีมีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย วิชิต ลิ้มสวัสดิ์ วงศ์ จำเลย - นาย วินัย สันโดด

ชื่อองค์คณะ ปรีชา เฉลิมวณิชย์ นิเวศน์ คำผอง สวรรค์ ศักดารักษ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th