ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับนายสุเทพที่หลบหนีไปต่างขับรถยนต์ด้วยความประมาทต่างขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงไป รถยนต์ทั้งสองคันชนกันที่สี่แยกนั้นเองเป็นเหตุให้ ล. ซึ่งนั่งมาบนรถที่นายสุเทพขับได้รับอันตรายสาหัส และรถยนต์ที่นายสุเทพขับได้เลยไปชนรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช 2477 มาตรา 29(4), 31, 66 พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4)พุทธศักราช 2508 มาตรา 8 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 59 ข้อ 11

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถผ่านทางแยกโดยใช้อัตราความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ (20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)ปรับ 800 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ข้อหาอื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช 2477 มาตรา 29(4) และผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 อีกด้วย

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช 2477 มาตรา 29(4) ด้วยนั้นเห็นว่าเป็นกรณีเดียวกับที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาไว้ หากแต่ศาลชั้นต้นมิได้ระบุยกมาตราขึ้นปรับ สำหรับอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าจำเลยขับรถฝ่าฝืนไฟแดงก็ดีหรือจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ก็ดี เป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ไม่ได้ พิพากษาแก้เป็นปรับบทลงโทษนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาทตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29(4) และ (การกระทำนั้น) เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300ด้วย อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถผ่านทางแยกโดยใช้อัตราความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (20กิโลเมตรต่อชั่วโมง)ข้อหาอื่นให้ยก ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาปรับบทลงโทษที่ศาลชั้นต้นมิได้ระบุมาตราว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพุทธศักราช 2477 มาตรา 29(4) ส่วนข้อหาจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสนั้น เป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พุทธศักราช 2417 มาตรา 3 ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส จึงเป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมา ซึ่งมิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

จึงให้ยกฎีกาของโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th