ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ รวม 55,000 บาท กับดอกเบี้ย ตั้งแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จ
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์หลอกลวงให้จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือ ในสัญญากู้
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย 55,000 บาท แก่โจทก์กับดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 50,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ในเรื่องที่จำเลยขออ้างสัญญากู้เงินรายพิพาทขอให้ส่งไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์และขออ้างรายงานผลการตรวจพิสูจน์ด้วยนั้น จำเลยฎีกาคัดค้านมาว่า ศาลไม่ควรจะรับฟังเพราะจำเลยไม่ยอมเสียค่าอ้าง คือจำเลยไม่ติดใจอ้าง จึงใช้เป็นพยานมิได้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยจะไม่ยอมเสียค่าอ้างก็จริง สำหรับสัญญากู้เงินนั้น ฝ่ายโจทก์ได้ส่งอ้างเป็นพยานชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญ จำเลยขออ้างไว้และชำระเงินค่าธรรมเนียมการตรวจโดยครบถ้วนถึง 2,000 บาท จึงเป็นที่เห็นได้ว่า เป็นเอกสารอันแท้จริงในสำนวน ซึ่งเป็นพิรุธแก่จำเลย ขัดแย้งกับคำพยานบุคคลของจำเลย และกลับสนับสนุนหลักฐานพยานโจทก์ เมื่อรายงานนี้ปรากฏต่อศาล ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตามนัย ป.วิ.พ. มาตรา 86 วรรคท้าย
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









