ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ปลอมคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ หนังสือกำกับไม้แปรรูป แล้วนำคำขอใบเบิกทางไม้หรือของป่าเคลื่อนที่และหนังสือกำกับไม้แปรรูปที่ทำปลอมขึ้นนั้นไปใช้อ้างแสดงต่อพนักงานป่าไม้อำเภอเมืองลำปางเพื่อขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอเมืองลำปาง ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอเมืองลำปางให้ตรวจสอบไม้ตามคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่และหนังสือกำกับไม้ตามที่จำเลยที่ 1 ยื่นขอ ว่ามีไม้ตามชนิด จำนวน ขนาด ปริมาณ ตรงตามคำขอหรือไม่ และตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าภาคหลวงของไม้ดังกล่าว จำเลยที่ 2 ไม่ได้ไปตรวจสอบไม้หลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง แต่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือกำกับไม้ในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบถูกต้องแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอเมืองลำปางว่าได้ทำการตรวจไม้รายนี้ถูกต้องแล้วอันเป็นความเท็จ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่าได้กระทำการอย่างใดขึ้น รับรองว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และจำเลยที่ 2 มีหน้าที่กรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ ได้มอบให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำกรอกข้อความลงในเอกสารดังกล่าวแล้วจำเลยที่ 2 ลงนามยืนยันและรับรองความถูกต้องแท้จริง อันเป็นการละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจดและเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(3), 242, 264, 268, 83

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 252, 264, 268 ลงโทษตามมาตรา 252 และ 268 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(3) ลงโทษตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนัก ของกลางริบ

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ตรวจสอบไป ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวงและไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ตามคำสั่งของป่าไม้อำเภอเมืองลำปาง แต่จำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อของตนเองในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการสำรวจดังกล่าวแล้วและทำความเห็นเสนอนายอำเภอเมืองลำปาง ในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริงตามหลักฐานเดิมที่ผู้ร้องขอกล่าวอ้างได้ใช้ตราตีประทับไว้เป็นสำคัญ เห็นสมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอเมืองลำปางในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอเมืองลำปางออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่จำเลยที่ 1 การกระทำดังกล่าวทำให้ป่าไม้อำเภอเมืองลำปางซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ไปตามหลักฐานเท็จซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับรองและเสนอการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอเมืองลำปาง และกรมป่าไม้ และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จ

ปัญหาต่อไปมีว่า การที่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ โดยจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้กรอกเขียนเองนั้นเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงนามอนุญาตในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่และกรมป่าไม้ และเป็นความผิดฐานละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ต้องรับจดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การเขียนกรอกข้อความดังกล่าวนี้มีระเบียบของกรมป่าไม้ระบุให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกเอง แต่ได้ความว่า ในทางปฏิบัติอนุโลมให้ผู้ออกใบเบิกทางเขียนเอง ทั้งนี้เพื่อแบ่งเบาภาระของพนักงานเจ้าหน้าที่และเป็นการอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้ขอ ดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้น มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการปฏิบัติผิดระเบียบดังกล่าวก็มีการอนุโลมให้ทำได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิด การเขียนกรอกข้อความดังกล่าว มิใช่เป็นการเขียนกรอกตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ การเขียนกรอกข้อความดังกล่าวมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจด ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2 ไม่เขียนกรอกข้อความเอง จึงไม่เป็นการละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ต้องรับจด

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1) ให้ลงโทษตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนัก นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th