ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2529 เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการจับกุมนายคำภา พันธ์พงษ์ และนายเฉลิมพล นาเมือง มามอบให้พนักงานสอบสวนซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ในความควบคุมของโจทก์จนกว่าจะเสร็จคดี จำเลยได้ทำสัญญาประกันให้ไว้แก่โจทก์ ขอประกันตัวนายคำภา พันธ์พงษ์ และนายเฉลิมพล นาเมือง เป็นจำนวนเงินคนละ 40,000 บาท โจทก์จึงปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปชั่วคราวในวันเดียวกันต่อมาจำเลยไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองให้แก่โจทก์ตามกำหนดนัดอันเป็นการผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน80,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า เมื่อครบกำหนดส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสอง จำเลยไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้จึงขอเลื่อนการส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองหลายครั้ง ซึ่งโจทก์ก็ยินยอม ต่อมาปี 2530 จำเลยได้นำตัวนายเฉลิมพลมามอบให้แก่โจทก์ ส่วนนายคำภา จำเลยได้นำเจ้าพนักงานตำรวจเข้าทำการจับกุม และผู้ต้องหาทั้งสองได้ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจนพ้นโทษไปแล้ว ความเสียหายของโจทก์จึงไม่มี

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระเงินจำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 บัญญัติว่า "ในคดีที่ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้น หรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ฯลฯ" สำหรับคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัวนายคำภา พันธ์พงษ์ ผู้ต้องหาจำนวน40,000 บาท ตามสัญญาประกันเอกสารหมาย ป.จ.1 และโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัวนายเฉลิมพล นาเมืองผู้ต้องหาจำนวน 40,000 บาท ตามสัญญาประกันเอกสารหมาย ป.จ.2โดยโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินดังกล่าวรวมมาในฟ้องฉบับเดียวกันศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าปรับตามสัญญาประกันเอกสารหมายป.จ.1 จำนวน 40,000 บาท และให้จำเลยชำระค่าปรับตามสัญญาประกันเอกสารหมาย ป.จ.2 จำนวน 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าปรับตามสัญญาประกันเอกสารหมาย ป.จ.1 จำนวน 20,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1ดังกล่าวเป็นการแก้ไขเล็กน้อย โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยชำระค่าปรับเต็มจำนวนตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกันเอกสารหมาย ป.จ.1 และจำเลยฎีกาขอให้ลดค่าปรับแก่จำเลยซึ่งเป็นฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงและทุนทรัพย์ในคดีนี้ต้องถือตามจำนวนเงินในสัญญาประกันเอกสารหมายป.จ.1 และ ป.จ.2 แต่ละฉบับ คือฉบับละ 40,000 บาท เพราะค่าปรับตามสัญญาประกันเอกสารหมาย ป.จ.1 และ ป.จ.2 เป็นคนละรายแบ่งแยกรับผิดเป็นส่วนสัดกัน เมื่อทุนทรัพย์แต่ละรายไม่เกินห้าหมื่นบาทเช่นนี้ ฎีกาของโจทก์และจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้"

พิพากษายกฎีกาโจทก์จำเลย

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th