ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของนายนพไปดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในทะเบียนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 704 จากชื่อของนายนพและจำเลยเป็นชื่อโจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 704 เป็นของโจทก์ คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนที่พิพากษาว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 704 เป็นของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์และจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนทั้งสองชั้นศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันและไม่ได้โต้แย้งกันรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยกับนายนพ จำเลยและนายนพมีชื่อเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินพิพาท เมื่อปี 2525 โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ปลูกพืชผลและสร้างบ้านบนที่ดินพิพาท ในวันที่ 15 กันยายน 2558 นายนพถึงแก่ความตาย และศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ตั้งจำเลยให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายนพ ต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยอ้างว่านายนพและจำเลยซึ่งเป็นบิดามารดาได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 บัญญัติว่า "ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้…" อันเป็นบทบัญญัติตัดสิทธิห้ามมิให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดฟ้องบุพการีของตน จึงต้องตีความอย่างเคร่งครัดโดยจำกัดเฉพาะกรณีบุคคลผู้ฟ้องคดีในฐานะที่ตนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายฟ้องบุพการีเพื่อประโยชน์ส่วนตัว คดีนี้ แม้ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าเป็นการฟ้องจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมและผู้จัดการมรดกของนายนพผู้ตายดังที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่จำเลยเป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และโจทก์มีคำขอให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทซึ่งมีชื่อจำเลยและนายนพผู้เป็นบิดาเป็นชื่อของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยและนายนพได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้ว ถ้าหากนายนพยังมีชีวิตอยู่ โจทก์ก็ไม่อาจฟ้องนายนพผู้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายให้โอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ด้วยเหตุอย่างเดียวกันนี้ได้เพราะเป็นคดีอุทลุมต้องห้ามตามมาตรา 1562 ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมและผู้จัดการมรดกของนายนพผู้ตายให้ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นชื่อของโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ในฐานะบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบุพการีเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์เองโดยตรง ฟ้องโจทก์จึงเป็นคดีอุทลุมอันต้องห้ามตามมาตรา 1562 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์ในประการอื่นเพราะไม่มีผลทำให้คดีเปลี่ยนแปลง ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.633/2567

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th