ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินจำนวน 19 ไร่1 งาน 67 ตารางวา โดยซื้อและรับโอนสิทธิครอบครองมาจากนายชูชาติจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 1206 เนื้อที่ 36 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา จากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครั้นโจทก์ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านการขอรังวัดออกโฉนดที่ดินของโจทก์เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1206 หมู่ที่ 2ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อเจ้าพนักงานภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทตามฟ้องโจทก์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งยึดไว้เพื่อนำออกขายทอดตลาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.41/2523 ของศาลแพ่ง จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย สิทธิในที่ดินพิพาทของจำเลยย่อมมิเสียไปถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าที่ดินพิพาทจะมิใช่ของบุคคลล้มละลายก็ตาม โจทก์มิได้เสียหายตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 19 ไร่ 1 งาน 67 ตารางวา โดยโจทก์ซื้อและรับโอนสิทธิครอบครองมาจากนายชูชาติ สุขประเสริฐ ส่วนจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 1206 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำนวน 36 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา จากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายจำเลยได้ยื่นคำคัดค้านการขอรังวัดออกโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยซื้อที่ดินดังกล่าวมาจากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์เพิ่งทราบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยดังกล่าวออกมาทับที่ดินของโจทก์หมดทั้งแปลง การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาลโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด ดังนี้แม้จะให้โจทก์สืบพยานหลักฐานไปตามคำฟ้อง ก็คงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยซื้อที่ดินโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดของศาลอยู่นั่นเอง และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวแล้ว สิทธิของจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ซึ่งบัญญัติว่า "สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ท่านว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลย หรือลูกหนี้โดยคำพิพากษาหรือผู้ล้มละลาย" นอกจากนี้การที่จำเลยไปคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินของโจทก์ก็เป็นการใช้สิทธิของตนตามกฎหมายหาได้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th