สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3043/2563

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3043/2563

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 86 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 192 วรรคสี่ พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ม. 6 (1), 8 วรรคสอง

เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยที่ 3 มิได้สมคบเป็นตัวการร่วมกับผู้ร่วมกระบวนการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางมาตั้งแต่เริ่มต้นติดต่อและตกลงซื้อขายหรือในการรับมอบเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางนำไปส่งให้ผู้ล่อซื้อหรือการคอยรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลาง ดังนั้น จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ได้สมคบกับจำเลยอื่นเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว แม้ในเวลาต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จำเลยที่ 3 ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างมาตรา 6 (1) ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาในคำขอท้ายฟ้อง ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามบทบัญญัติดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่ ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 จึงต้องปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 ตาม ป.อ. มาตรา 86 เท่านั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีทั้งสองสำนวนนี้ เดิมศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่า โจทก์ เรียกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ และเรียกจำเลยในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 4 แต่คดีสำหรับจำเลยที่ 4 ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีสำนวนแรก

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองสำนวนขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 97, 100/1, 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 8, 14 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ, 157/1 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83, 91 ริบเฮโรอีน เมทแอมเฟตามีน รถจักรยานยนต์ และโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ด 4 เครื่อง ของกลาง เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามกฎหมาย บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนดคดีละ 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2870/2558 และ 3487/2558 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ

จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ

จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ

จำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2) (3) (ที่แก้ไขใหม่), 66 วรรคสาม, 102 (ที่ถูก ไม่ต้องระบุมาตรา 102) พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 และจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 (ที่ถูก การกระทำของจำเลยที่ 4 เป็นกรรมเดียว) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน และฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ซึ่งแต่ละบทมีโทษเท่ากัน ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน (ที่ถูก ฐานเสพเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนและฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน) เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 91 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 8 เดือน ฐานเสพเฮโรอีน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท ฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 แล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน (ที่ถูก ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน) เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุก 12 เดือน จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดชีวิต ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน (ที่ถูก ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน) คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน ฐานเสพเฮโรอีน คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 เดือน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท เมื่อรวมโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) โทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมความประพฤติจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือน ต่อครั้ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 จำเลยที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเฮโรอีน เมทแอมเฟตามีน รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน คกข เชียงราย 655 และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 เครื่อง พร้อมซิมการ์ดหมายเลข 08 9725 xxxx หมายเลข 08 0131 xxxx และหมายเลข 06 3813 xxxx ของกลาง ส่วนคำขอให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนดคดีละ 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2870/2558 และ 3487/2558 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้นั้น เมื่อคดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 2 จึงไม่อาจบวกโทษ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ และให้ยกฟ้องในข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 3 คืนโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ดของกลาง หมายเลข 09 8729 xxxx และหมายเลข 06 1790 xxxx แก่เจ้าของ

โจทก์และจำเลยที่ 4 อุทธรณ์

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 16

ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2) (3) (ที่แก้ไขใหม่), 66 วรรคสาม พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 อีกกระทงหนึ่ง ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน ฐานสมคบโดยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิต คำให้การในชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกตลอดชีวิต สำหรับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนให้บังคับคดีลงโทษจำเลยที่ 3 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่คุมความประพฤติ ให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ดหมายเลข 09 8729 xxxx และหมายเลข 06 1760 xxxx ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 3 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดโทษ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 3 มิได้สมคบเป็นตัวการร่วมกับผู้ร่วมกระบวนการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางมาตั้งแต่เริ่มต้นติดต่อและตกลงซื้อขายหรือในการรับมอบเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางนำไปส่งให้ผู้ล่อซื้อหรือการคอยรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลาง ดังนั้น จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ได้สมคบกับจำเลยอื่นเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว แม้ในเวลาต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จำเลยที่ 3 ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จึงไม่ชอบ จำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างมาตรา 6 (1) ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาในคำขอท้ายฟ้อง ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามบทบัญญัติดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 จึงต้องปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 เท่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (2) (3) ที่แก้ไขใหม่, 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานสมคบกันโดยเป็นผู้สนับสนุน การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.661/2563

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดเชียงราย จำเลย - นาย ช. กับพวก

ชื่อองค์คณะ อนุวัตร มุทิกากร บุญไชย ธนาพันธ์สิน ศรีวิไล ธรรมดุษฎี

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดเชียงราย - นางสาวณัฏฐ์ลิตา เจริญเขษมมีสุข ศาลอุทธรณ์ - นายอภิชาต ภมรบุตร

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE