คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3059/2563
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 195 วรรคสอง, 225 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 8 ทวิ วรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ จึงต้องรับฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามบทมาตราดังกล่าว แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91, 371 ริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี และปรับ 8,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 14,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน และปรับ 7,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี แต่ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ตามเงื่อนไขและเวลาที่พนักงานคุมประพฤติกำหนด ให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบอาวุธปืนของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่คุมความประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องจำเลยเพียงแต่มีและพาอาวุธปืนพกของกลางไปตามถนนโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีและพากระสุนปืนไปด้วย พฤติการณ์แห่งคดีจึงน่าเชื่อว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมิได้มีเจตนาพาอาวุธปืนไปเพื่อประกอบอาชญากรรมหรือกระทำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนั้นตามรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีประวัติก่อเหตุร้ายหรือมีนิสัยใจคอก้าวร้าวชอบตัดสินปัญหาด้วยความรุนแรง ทั้งยังได้ความว่าหลังจากเรียนจบการศึกษาแล้วจำเลยประกอบอาชีพสวนยางสวนปาล์มน้ำมันและเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ในหมู่บ้านเป็นอาชีพเสริม ทำให้เห็นว่า จำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและประกอบอาชีพการงานที่สุจริต ยิ่งกว่านั้นภรรยาจำเลยยังให้ถ้อยคำต่อพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยเอาใจใส่ดูแลครอบครัวอย่างดี เมื่อพิจารณาว่าบุตรทั้งสองของจำเลยอายุเพียง 9 ขวบ และ 5 ขวบ หากจำเลยต้องโทษจำคุก นอกจากจะทำให้จำเลยต้องเสียประวัติ ยากแก่การแก้ไข ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อการแก้ไขจำเลยให้เป็นคนดีในสังคมแล้วยังจะทำให้ครอบครัวจำเลยได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส กรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำไม่กลับไปกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีก และให้เกิดผลในทางแก้ไขความประพฤติจำเลยให้อยู่ในกรอบสังคมอันดี สมควรลงโทษปรับและกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ด้วย
อนึ่ง สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนมานั้น ไม่ถูกต้อง เพราะคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 8 ทวิ วรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ จึงต้องรับฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามบทมาตราดังกล่าว แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควร จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง และให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.833/2563
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ จำเลย - นาย ธ.
ชื่อองค์คณะ สุรพล เอี่ยมอธิคม วัฒนา วิทยกุล สราวุธ ศิริภาณุรักษ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดกระบี่ - นายนพัตธร ฤทธิกาญจน์ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 - นายอานัด อุเบกขานุกุล