คำสั่งคำร้องที่ ครพ. 308/2567
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 323
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความ ซึ่งคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323 วรรคสี่ อันเป็นบทมาตราที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ จึงไม่อาจขออนุญาตฎีกาได้
คดีสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 42 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2562 ผู้แทนโจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เป็นที่ดิน 1 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างห้องชุด 57 ห้อง ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
วันที่ 18 กันยายน 2563 ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างห้องชุด 57 ห้อง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 แต่เป็นของผู้ร้องซึ่งติดจำนองแก่ธนาคาร จำเลยที่ 1 เพียงแต่มีชื่อในโฉนดที่ดินแทนผู้ร้องเท่านั้น ผู้ร้องและจำเลยที่ 1 ลงทุนทำธุรกิจอาคารชุดร่วมกัน ผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองและบริหารงานอาคารชุด รวมทั้งผ่อนชำระหนี้จำนองด้วยตนเองเรื่อยมา ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดเนื่องจากทุนทรัพย์สูงจึงต้องใช้เวลารวบรวมเงินค่าธรรมเนียมศาล ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ดินแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างห้องชุดดังกล่าว และยกเลิกวันนัดขายทอดตลาด
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ และยื่นคำร้องให้ผู้ร้องวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
วันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลของทุนทรัพย์ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท ภายใน 30 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้อง (คิดเป็นเงิน 19,997 บาท) และเห็นสมควรให้ผู้ร้องวางเงินประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 วรรคสี่ เป็นเงิน 3,400,000 บาท ภายใน 30 วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่วางเงินประกัน จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ยกเลิกวันนัดไต่สวน
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งฉบับที่ 1 โต้แย้งว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมและวางเงินประกัน 3,400,000 บาท ไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันยื่นอุทธรณ์ฉบับที่ 1 ว่า คดีนี้ ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 วรรคสี่ อันถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งให้วางเงิน และไม่มีคดีอยู่ในสารบบอันอาจใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งเรื่องให้วางค่าขึ้นศาลเพิ่มได้ จึงไม่รับอุทธรณ์ฉบับที่ 1
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งฉบับที่ 2 โต้แย้งว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากให้ผู้ร้องวางเงินประกันสูงถึง 3,400,000 บาท ภายใน 30 วัน ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบ เพราะโจทก์สามารถบังคับต่อทรัพย์ที่ยึดไว้ได้อยู่แล้ว ขอให้ยกเลิกคำสั่งจำหน่ายคดี และให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขัดทรัพย์ต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ฉบับที่ 2 และโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์ว่า คำสั่งจำหน่ายคดีถึงที่สุดแล้วขอให้ยกอุทธรณ์ฉบับที่ 2
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ระงับการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมห้องชุด
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งฉบับที่ 3 โต้แย้งว่า คดียังไม่ถึงที่สุด โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ชอบที่ศาลชั้นต้นจะระงับการขายทอดตลาดไว้ก่อนได้ เพราะหากขายทอดตลาดไปแล้วอาจทำให้ผู้ร้องเสียหายในภายหลังได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกา และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีศาลฎีกาแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของผู้ร้องเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์หรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความ ซึ่งคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 วรรคสี่ อันเป็นบทมาตราที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ จึงไม่อาจขออนุญาตฎีกาได้
จึงมีคำสั่งยกคำร้องขออนุญาตฎีกา ไม่รับฎีกาของผู้ร้อง และยกคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ครพ.1030/2566
แหล่งที่มา หนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา