ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าสิทธิจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มบนขบวนรถไฟของโจทก์ และโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง ค่าปรับ ค่าอุปกรณ์ชำรุด และค่าขาดประโยชน์พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประการแรกว่า จะนำเงินประกันสัญญาเช่าที่จำเลยวางไว้กับโจทก์มาหักชำระค่าเช่าที่จำเลยค้างชำระอยู่ได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามสัญญาเช่าสิทธิจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มระหว่างโจทก์จำเลยตามเอกสารหมาย จ.2 และ จ.3 ข้อ 30 ระบุว่า "ถ้าผู้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดหรือแสดงให้เห็นว่าไม่มีความสามารถหรือไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอต่อการดำเนินการ หรือกระทำผิดสัญญา ข้อ 2, 11, 22, 27 และ 28ข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อก็ดี และถูกบอกเลิกสัญญา ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าริบเงินประกันตามข้อ 3 ทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากค่าเช่า ค่าปรับ หรือค่าเสียหายที่ผู้เช่าจะต้องชำระหรือชดใช้ตามสัญญานี้" คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยเพราะจำเลยผิดสัญญาข้อ 2 ไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนด ฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิริบเงินประกันทั้งหมดนอกเหนือจากสิทธิเรียกค่าเช่าที่ค้างตามสัญญาข้อ 30 ดังกล่าว ส่วนสัญญาข้อ 29 ที่ระบุให้นำค่าเช่าที่ค้างมาหักออกจากเงินประกันตามข้อ 3 จนครบ หากมีเหลือจึงให้คืนแก่ผู้เช่านั้น เป็นกรณีที่ผู้ให้เช่าเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดเวลาที่ระบุไว้โดยมิใช่ความผิดของผู้เช่า จึงไม่อาจนำมาปรับแก่กรณีตามฟ้องนี้ได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดจำนวน 255,717บาท จากจำเลย นอกเหนือจากการริบเงินประกันสัญญาเช่า ที่ศาลล่างทั้งสองให้นำเงินประกันสัญญาเช่าที่จำเลยวางไว้กับโจทก์มาหักชำระค่าเช่าที่จำเลยค้างชำระอยู่จึงไม่ชอบ

ปัญหาต่อมามีว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์หลังจากเลิกสัญญาหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรคสี่ บัญญัติให้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเนื่องจากการผิดสัญญาได้แม้จะได้มีการบอกเลิกสัญญาแล้ว การที่จำเลยผิดสัญญาจนโจทก์ต้องบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด และโจทก์ต้องดำเนินการหาผู้เช่าสิทธิรายใหม่มาดำเนินการต่อ ในระหว่างหาผู้เช่าสิทธิรายใหม่โจทก์ต้องให้บุคคลอื่นเช่าสิทธิไปพลางก่อน โดยได้ค่าเช่าน้อยกว่าที่เคยได้รับจากจำเลย ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรได้หากไม่มีการเลิกสัญญากับจำเลยก่อนกำหนด ถือได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ส่วนได้เสียของโจทก์โดยคำนึงถึงเงินประกันสัญญาที่โจทก์ริบจากจำเลยจำนวน 343,500 บาท ประกอบด้วยแล้ว เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้ 20,000 บาท ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ให้ค่าเสียหายส่วนนี้แก่โจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 275,717 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 7 กันยายน2529 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th