ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,277, 279
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง, 80 และมาตรา 279 ประกอบด้วยมาตรา 65 วรรคสองลงโทษตามมาตรา 277 วรรคสอง, 80 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่ยังสามารถรู้ผิดชอบหรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้างหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ได้ความจากรายงานการวินิจฉัยโรคและประวัติการตรวจรักษาตลอดจนคำเบิกความของแพทย์หญิงปัญญาเพ็ญสุวรรณ พยานจำเลยว่า จำเลยเป็นโรคคริทิน (Cretinism)ซึ่งเกิดจากการขาดไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด ทำให้การเจริญเติบโตทางร่างกายและการพัฒนาเจริญวัยทางสติปัญญาช้ากว่าอายุจริง จำเลยเพิ่งจะเดินได้เมื่ออายุ 7 ปี และพูดเป็นประโยคได้เมื่ออายุ 9 ปีเมื่ออายุ 11 ปี 11 เดือน จำเลยมีความสามารถทางสติปัญญาเท่ากับเด็กอายุ 5 ปี มีระดับไอคิว 47 ซึ่งเด็กปกติจะมีระดับไอคิวระหว่าง90-100 และเมื่ออายุ 14 ปี 11 เดือน จำเลยมีระดับไอคิวเพียง 50จำเลยเรียนซ้ำชั้นประถมปีที่ 1 อยู่เป็นเวลา 5 ปี จากการตรวจสอบครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเหตุ 2 เดือน ปรากฏว่าสติปัญญาของจำเลยยังช้า แพทย์หญิงปัญญายืนยันว่าจำเลยไม่รู้จักเหตุผล ไม่มีการวางแผน ไม่มีความรับผิดชอบ จำเลยจะต้องได้รับการรักษาไปตลอดชีวิตไม่มีทางหายขาด นอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายและนางสุรีย์พร เอี่ยมพงษ์ พยานโจทก์ว่า จำเลยสติไม่สมบูรณ์ไม่ชอบเล่นกับคนวันเดียวกัน จำเลยมักจะมาเล่นดินและขายหม้อข้าวหม้อแกงกับผู้เสียหายและเด็กหญิงวิภาอายุ 7 ปี บุตรนางสุรีย์พรในวันเสาร์และวันอาทิตย์อยู่เป็นประจำ ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดไปในขณะที่ไม่สามารถรู้ผิดชอบเพราะมีจิตบกพร่องด้วยเหตุป่วยเป็นโรคปัญญาอ่อนมาตั้งแต่กำเนิด
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









