
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีเครื่องกระสุนปืน คือกระสุนปืนขนาด .38จำนวน 10 นัด ใช้ยิงได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและบังอาจพกพาเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และริบกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7, 72 ลงโทษปรับ 1,200 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 600 บาท ยกฟ้องข้อหาพกพาอาวุธริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำให้การรับสารภาพของจำเลยว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้บังอาจพาเครื่องกระสุนปืนคือกระสุนปืนขนาด .38 ของกลางไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรจริงปัญหามีว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่ากระสุนปืนของกลางมิใช่สิ่งซึ่งเป็นอาวุธโดยสภาพ และโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าเป็นสิ่งซึ่งจำเลยได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(5) การกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานนี้ชอบแล้ว
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








