ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำและให้โจทก์ทำงานล่วงเวลาโดยไม่ยอมจ่ายค่าล่วงเวลา ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นมูลนิธิมิได้มีวัตถุประสงค์แสวงหากำไร จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการของมูลนิธิ จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างทดลองงานประจำอยู่ในโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทของจำเลยจำเลยไม่เคยสั่งให้โจทก์ทำงานล่วงเวลา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะฟ้องกล้วยน้ำไทมูลนิธิเป็นจำเลยที่ 1 ก็จริง แต่จำเลยทั้งสองก็ให้การว่าจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำทำงานในโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ตามคำแถลงรับของคู่ความโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทนี้เป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เป็นผู้บริหารงานนำผลประโยชน์และกำไรจากการดำเนินกิจการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทไปบำรุงมูลนิธิจำเลยที่ 1 อีกทอดหนึ่ง เนื่องจากโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นโจทก์จึงต้องฟ้องมูลนิธิกล้วยน้ำไทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทและเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72(6)เป็นจำเลย แต่เมื่อมีปัญหาต้องพิจารณาสภาพการจ้างว่าเป็นการจ้างที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจหรือไม่ย่อมต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทซึ่งโจทก์ประจำทำงานอยู่ หาใช่พิจารณาวัตถุประสงค์ของมูลนิธิกล้วยน้ำไทไม่ เพราะจำเลยมิได้จ้างโจทก์ให้ทำงานประจำอยู่ในมูลนิธิจำเลยที่ 1 กิจการของโรงพยาบาลเป็นกิจการที่ต้องแสวงหาผลประโยชน์และกำไรไปบำรุงมูลนิธิ ฉะนั้นการจ้างระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นการจ้างที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจไม่ได้รับยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดกิจการที่มิให้ใช้บังคับตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

จำเลยอุทธรณ์ต่อไปว่า จำเลยที่ 2 มิได้เป็นนายจ้างของโจทก์และมิได้ดำเนินการเป็นการส่วนตัวจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวต่อโจทก์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการมูลนิธิจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้แทนของนิติบุคคล มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ต้องถือว่าเป็นนายจ้างตามวิเคราะห์ศัพท์ของคำว่า "นายจ้าง" ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 ฉะนั้นจำเลยที่ 2 ในฐานะประธานกรรมการของมูลนิธิจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดจ่ายค่าล่วงเวลาให้โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th