ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากจำเลยที่ ๑ สามครั้ง จำเลยที่ ๑ส่งน้ำมันปาล์มดิบให้โจทก์ตามใบสั่งซื้อครั้งแรกเพียง ๔๑.๕๒ เมตริกตัน ยังขาดอยู่อีก ๕๘.๔๘เมตริกตัน แล้วจำเลยไม่ส่งให้แก่โจทก์อีกเลย จำเลยที่ ๑ จึงผิดสัญญา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบุคคลอื่นในราคาที่สูงขึ้น จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ ๑ จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ ๑ รับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระเงินจำนวน ๑,๓๗๕,๘๘๘.๗๕ บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า เกี่ยวกับใบสั่งซื้อครั้งแรกโจทก์ไม่ชำระเงินให้แก่จำเลยที่ ๑ ภายใน ๗ วัน นับแต่วันรับของ ซึ่งวัตถุประสงค์แห่งสัญญาตามใบสั่งซื้อได้กำหนดระยะเวลาการชำระเงินไว้แน่นอน แต่โจทก์ผิดนัดและทราบกันในวงการค้าที่ว่าการเงินของโจทก์ไม่ดีทั้งโจทก์ไม่มีหลักประกันพอให้จำเลยที่ ๑ เชื่อว่าเมื่อส่งมอบน้ำมันปาล์มให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ ๑จะได้รับชำระหนี้ จำเลยที่ ๑ จึงได้แจ้งเลิกการส่งมอบของที่ยังค้างอยู่ตามใบสั่งซื้อครั้งแรก และแจ้งเลิกการส่งมอบตามใบสั่งซื้อครั้งที่สองและครั้งที่สาม โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสอง โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ถึงหากจะเสียหายก็ไม่ถึงจำนวนตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระเงินจำนวน๔๐๘,๔๘๐ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๒๙เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการแรกว่า จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ จำเลยทั้งสองกล่าวอ้างว่า ตามใบสั่งทั้งสามครั้ง มีข้อกำหนดเกี่ยวกับเวลาการชำระเงินไว้ว่า ระยะเวลาในการชำระเงิน ๗ วันนับจากวันที่รับของ การชำระเงินค่าซื้อหรือขายสินค้านั้นเป็นหัวใจสำคัญของการประกอบธุรกิจการค้า เมื่อโจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยที่ ๑ ล่าช้ากว่ากำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยที่ ๑ มีสิทธิเลิกสัญญาได้ และจำเลยที่ ๒ ได้โทรศัพท์บอกนายธัชชัย ผะเดิมชิต กรรมการของบริษัทโจทก์ว่าจะไม่ส่งน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์อีกต่อไปแล้ว เห็นว่า ในทางปฏิบัติของโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ที่ถือปฏิบัติต่อกันมา ไม่ได้ถือเอากำหนดเวลาการชำระเงินที่ได้ตกลงกันไว้ตามใบสั่งโดยเคร่งครัด ดังจะเห็นได้ว่า ก่อนที่จะเกิดพิพาทเป็นคดีนี้ โจทก์เคยสั่งซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๘ ตามใบสั่งเลขที่ ๑๔๑๗ จำเลยที่ ๑ ส่งน้ำมันปาล์มดิบให้แก่โจทก์หลายงวด แต่ละงวดโจทก์สั่งจ่ายเช็คชำระเงินให้แก่จำเลยที่ ๑ เกินกำหนด ๗ วัน นับจากวันที่รับของไป ๓ - ๑๓ วัน ตลอดมา ตามพฤติการณ์ที่กล่าวมาแสดงว่าโจทก์และจำเลยที่ ๑ มิได้มีเจตนาที่จะถือเอากำหนดระยะเวลาในการชำระเงินเป็นสาระสำคัญตามสัญญา ดังที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๘ ทั้งข้อสัญญาตามใบสั่งครั้งแรกก็ไม่ได้ระบุชัดแจ้งว่า หากโจทก์ไม่ชำระเงินภายใน ๗ วัน นับจากวันที่รับของ สัญญาซื้อขายเป็นอันเลิกกันทันที ฉะนั้นจำเลยที่ ๑ จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้ก็ต่อเมื่อได้แจ้งให้โจทก์ชำระเงินภายใน ๗ วัน นับจากวันที่รับของตามใบสั่งครั้งแรกในงวดต่อไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๗ และจำเลยที่ ๑ ยังไม่มีสิทธิเลิกสัญญาตามใบสั่งครั้งที่สองและครั้งที่สาม เพราะจำเลยที่ ๑ ยังไม่ได้ส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจะกล่าวอ้างว่าฐานะทางการเงินของโจทก์ไม่ดี เกรงว่าจะไม่ได้รับชำระเงินมาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้นชอบแล้วและวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยเสียหาย ๖๐๐,๙๐๐ บาท

อนึ่ง ที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองชดใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๒๙ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์อ้างว่าได้ชำระเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นนั้น ปรากฏว่าโจทก์ชำระราคาน้ำมันปาล์มดิบจำนวน ๔๐๐ เมตริกตัน แก่บริษัทสยามปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมจำกัด เมื่อวันที่ ๒๑ และ ๒๔ มีนาคม ๒๕๒๙ ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๒๑ และจ.๒๔ ซึ่งตามใบเสร็จรับเงินดังกล่าวไม่อาจแยกได้ว่าเป็นการชำระราคาสำหรับการสั่งซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาทดแทนการสั่งซื้อครั้งใด จึงเห็นสมควรให้โจทก์คิดดอกเบี้ยได้นับแต่วันที่ชำระเงินครั้งสุดท้ายคือวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๒๙

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระเงิน ๖๐๐,๙๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๒๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th