ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินซึ่งเป็นหนี้โจทก์จำเลย 259,740.41 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ให้ทำการซ่อมรถแทรกเตอร์จริง แต่จำนวนเงินค่าจ้างซ่อมตลอดจนค่าอะไหล่ที่ค้างชำระไม่ถึงจำนวนที่ฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ที่ค้างให้แก่โจทก์หลายครั้งแล้ว และไม่เคยตกลงกับโจทก์ว่า หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยหรือค่าเสียหายร้อยละ 18 ต่อปี หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ไม่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน โจทก์ไม่เคยกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ค้างชำระหนี้โจทก์อยู่ไม่เกิน 100,000 บาท และเป็นหนี้ที่ขาดอายุความฟ้องร้องแล้วทั้งสิ้น

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 173,690 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า เอกสารหมาย จ.9 และเอกสารหมาย จ.10 แผ่นที่ 2 ไม่มีการเซ็นรับรองโดยจำเลย หรือตัวแทนของจำเลย เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเอง จำเลยมิได้รับรองความถูกต้อง เอกสารดังกล่าวจึงฟังไม่ได้นั้น เห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นรายการอันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการซ่อมรถ ซึ่งนางบุบผาศรี ลุมพิกานนท์ นางสาวอาภรณ์กาญจนหิรัญและนายชาญวิทย์ นำพบสันติ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมุห์บัญชีผู้ช่วยสมุห์บัญชี และผู้จัดการฝ่ายซ่อมและบริการของโจทก์ตามลำดับมาเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างโจทก์ให้ซ่อมรถแทรกเตอร์ โจทก์ได้จัดการซ่อมมีรายการตามเอกสารหมาย จ.9และเอกสารหมาย จ.10 แผ่นที่ 2 พยานโจทก์ทั้งสามปากเป็นลูกจ้างของโจทก์ ปฏิบัติการไปตามหน้าที่ไม่มีส่วนได้เสียให้ผลแห่งคดี จึงเชื่อได้ว่าโจทก์ได้จัดการซ่อมรถแทรกเตอร์ให้แก่จำเลยมีรายการตามเอกสารดังกล่าวจริง เอกสารดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้จำเลย หรือตัวแทนของจำเลยต้องลงชื่อรับรองความถูกต้องศาลจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวได้

จำเลยทั้งสองฎีกาต่อมาว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2526 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเป็นการไม่ชอบเพราะตามคำขอท้ายฟ้อง โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่ชำระเสร็จ จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์ได้ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่ค้างชำระจนถึงวันที่จำเลยจะชำระเสร็จ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้ายจึงเป็นการชอบแล้ว ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอแต่อย่างใด…"

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th