ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามสัญญากู้พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยกู้เงินจากโจทก์ ใบยืมเงินตามฟ้องเป็นเรื่องเล่นแชร์เปียหวย หากจะฟังว่าจำเลยและนายไชยกู้เงินรายนี้สามีจำเลยได้บอกล้างนิติกรรมรายนี้แล้ว
วันชี้สองสถาน ทนายโจทก์รับว่าได้รับหนังสือบอกล้างนิติกรรมจากสามีจำเลยเมื่อฟ้องคดีนี้แล้ว สามีจำเลยเป็นสามีไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทนายจำเลยเถียงว่าเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าสามีจำเลยเป็นสามีที่ชอบด้วยกฎหมายและสามีจำเลยได้บอกล้างสัญญานี้แล้ว การบอกล้างของสามีจำเลยจะเป็นผลทำให้สัญญานั้นตกเป็นโมฆะได้ก็แต่เฉพาะเพียงเท่าที่ผูกพันสินบริคณห์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38 เท่านั้น หาได้กระทำให้ตกเป็นโมฆะทั้งหมดไม่ เพราะหญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ทำขึ้นจึงยังสมบูรณ์ผูกพันในทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยตาม มาตรา 37 ประกอบด้วย มาตรา 1479 ฉะนั้น ที่จำเลยต่อสู้ว่าสามีได้บอกล้างแล้ว แม้จะเป็นความจริง โจทก์ก็มีสิทธิที่จะบังคับเอาจากทรัพย์สินส่วนของจำเลยได้
ส่วนที่จำเลยจะนำสืบข้อเท็จจริงว่า ที่จำเลยได้ลงชื่อในใบยืมเงินไว้ในฐานะผู้กู้นั้น ที่แท้จริงได้ลงไว้ในฐานะผู้ค้ำประกันนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะให้จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นก็เท่ากับเป็นการสืบเถียงฝ่าฝืนเอกสารท้ายฟ้อง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








