ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านเลขที่ 6/2 หมู่ที่ 14 แขวงลาดยาว เขตบางเขต กรุงเทพมหานคร โจทก์เป็นหัวหน้าครอบครัวและบริวารอยู่อาศัยตลอดมา เมื่อปี พ.ศ. 2518 โจทก์อนุญาตให้จำเลยและนางทองย้อยมารดาจำเลยซึ่งเป็นพี่โจทก์มาอาศัยด้วย โดยให้นางทองย้อยเป็นหัวหน้าอีกครอบครัวหนึ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2520 นางทองย้อยยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนเขตบางเขนเปลี่ยนฐานะตนเองจากหัวหน้าครอบครัวมาเป็นมารดา และยกฐานะจำเลยเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ส่วนโจทก์ถูกแก้จากหัวหน้าครอบครัวเป็นผู้อาศัยโจทก์ให้จำเลยแก้แต่จำเลยปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยและบริวารอยู่กับโจทก์อีกต่อไป ได้บอกกล่าวแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย

โจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อ พ.ศ. 2504 เพราะจำเลยประสงค์จะใช้ชื่อสกุลของโจทก์ แต่เมื่อจำเลยเปลี่ยนเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว จำเลยแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านพูดจาดูถูกเหยียดหยามโจทก์ ไล่โจทก์ออกจากบ้าน โจทก์จึงไม่ประสงค์ให้จำเลยเป็นบุตรบุญธรรมอีก ขอให้ศาลสั่งว่าบ้านเลขที่ 6/2 เป็นของโจทก์ ให้นายทะเบียนแก้ให้โจทก์เป็นหัวหน้าครอบครัวขับไล่จำเลยและบริวารออกไป และให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยด้วย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า บ้านพิพาทเป็นของนางทองย้อยมารดาจำเลยโจทก์เป็นผู้อาศัย นางทองย้อยยกบ้านให้เป็นกรรมสิทธิ์ ของจำเลย โจทก์พาคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านพิพาท จำเลยห้ามไม่เชื่อจึงให้โจทก์ออกจากบ้านพิพาท โจทก์เพิกเฉย จำเลยไม่เคยประพฤติเนรคุณโจทก์ ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า นางทองย้อยไม่ใช่เจ้าของบ้านพิพาท ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าบ้านเลขที่ 6/2 ตามฟ้องและฟ้องแย้งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ให้โจทก์และบริวารออกไป ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยและวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ปัญหาเรื่องการเลิกรับบุตรบุญธรรมว่าโจทก์นำสืบได้ว่าหลังจากนางทองย้อยถึงแก่กรรม จำเลยเรียกโจทก์ว่าอ้ายและไล่โจทก์ออกจากบ้าน จำเลยไม่นำสืบแก้ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่จำเลยเรียกโจทก์ซึ่งเป็นบิดาบุญธรรมว่า อ้าย เป็นการเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรงและการไล่โจทก์ออกจากบ้านพิพาทก็แสดงว่าจำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์คดีจึงมีเหตุเลิกการรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 1598/33 (2)(4)

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกเลิกการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยเสีย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th