ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินได้จัดทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่างนายสนกับโจทก์โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ รู้ว่าที่ดินเป็นของรัฐบาลยังขืนทำการโอนให้โจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 โดยตำแหน่งนายอำเภอเซ็นโอนนิติกรรมตามอำนาจหน้าที่ จำเลยที่ 3 เป็นอธิบดีกรมที่ดินมีหน้าที่รับผิดชอบความเสียหาย ที่เกิดขึ้นในสายงานซึ่งเกี่ยวกับที่ดินของรัฐบาลซื้อแล้วโจทก์ครอบครองโดยสงบเปิดเผยตลอดมา ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ฟ้องขับไล่โจทก์ โดยอ้างว่าเป็นที่ดินรัฐบาลอยู่ในเขตผังเมือง ศาลฎีกาพิพากษาขับไลาโจทก์ให้ออกจากที่พิพาท คดีถึงที่สุดทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 55,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้อง เฉพาะจำเลยที่ 1

โจทก์อุทธรณ์ คดีถึงที่สุดชั้นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รับฟ้องจำเลยที่ 3 ด้วย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โจทก์จะซื้อที่ดินหรือไม่ ไม่ทราบฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ หากแต่เป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง คดีขาดอายุความฟ้องร้อง

จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นส่วนตัว มิได้ฟ้องกรมที่ดินเป็นจำเลยด้วย จำเลยที่ 3 ในฐานะส่วนตัวมิได้รู้เห็นการกระทำของจำเลยที่ 1กับโจทก์ เพราะขณะนั้นจำเลยที่ 3 มิได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน กรมที่ดินและจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิด ความผิดพลาดเป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และคดีขาดอายุความ

วันชี้สองสถาน คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับกันว่า คดีที่โจทก์ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ฟ้องขับไล่ออกจากที่พิพาทนั้น โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2518

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายและวินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่แผนกที่ดินของอำเภอเมืองเพชรบูรณ์มีหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน แต่จำเลยที่ 1 ได้กระทำโดยจงใจประมาทเลินเล่อรู้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของรัฐบาลแล้วยังขืนทำนิติกรรมโอนให้โจทก์ และต่อมาโจทก์ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ฟ้องขับไล่ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาท ดังนี้ เห็นว่าฟ้องโจทก์แสดงว่าจำเลยที่ 1 จดทะเบียนทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินให้โจทก์โดยมิได้สอบสวนก่อนว่าที่พิพาทเป็นของรัฐบาลอยู่ในเขตผังเมืองหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ดังกรณีที่โจทก์ฟ้องนี้ การกระทำก่อให้เกิดความเสียหายเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์นั่นเอง หาใช่เป็นเรื่องเรียกค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากรัฐเอาที่ดินคืนดังฎีกาของโจทก์ไม่ ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความเรื่องละเมิดมาใช้บังคับ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 บัญญัติว่า "สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้นท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปี นับแต่วันทำละเมิด"คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทำนิติกรรมซื้อที่พิพาทจากนายสนเมื่อวันที่ 7มีนาคม 2499 โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2518และโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยให้รับผิดในมูลละเมิดเป็นคดีนี้ต่อศาลเมื่อวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2521 เมื่อนับตั้งแต่วันที่โจทก์ทำนิติกรรมซื้อที่ดินพิพาทจนถึงวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลได้ 21 ปี และนับตั้งแต่วันที่โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาถึงวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลได้ 2 ปีเศษ ดังนี้ คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th