ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 4, 6, 9, 14, 31, 35 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ให้จำเลย คนงานผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 4, 6, 9, 14, 31 วรรคสอง, 35ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ให้จำเลย คนงานผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับบทลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 35 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่พิจารณาคดีนี้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ผู้พิพากษาพระราชบัญญัติภาค 3 ที่พิจารณาคดีสั่งคำร้องของ จำเลยว่า จำเลยยื่นคำร้องและฎีกาต่อศาลชั้นต้นพ้นกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ถือว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3ให้คู่ความฟังตามกฎหมาย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงให้ยกคำร้อง

จำเลยฎีกา

ในปัญหาว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3ที่พิจารณาคดีนี้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง พร้อมกับยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาหรือไม่

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยยังคงมีภูมิลำเนาตามที่อยู่ในคำฟ้องการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้แก่จำเลยณ สถานที่ดังกล่าวจึงถูกต้องแล้ว คดีได้ความว่าจำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาเกิน 1 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้ตัวจำเลยมาศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยเมื่อวันที่ 30 เมษายน2536 ซึ่งถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษาโดยชอบแล้ว ระยะเวลา1 เดือน ตามกฎหมายที่จำเลยจะฎีกาย่อมนับตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป แม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษาดังกล่าวให้จำเลยฟังอีกในภายหลังก็หามีผลทำให้ยืดระยะเวลาฎีกาออกไปไม่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2536 พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่พิจารณาคดีนี้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในวันเดียวกัน ฎีกาของจำเลยจึงล่วงเลยระยะเวลาที่จำเลยมีอำนาจฎีกา และไม่มีประโยชน์ที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่พิจารณาคดีนี้จะอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามคำร้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้องจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th