ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2523 เวลากลางวัน จำเลยได้ดูหมิ่น นายนิล ใจกว้าง ผู้เสียหาย ซึ่งหน้า โดยจำเลยพูดว่า "มารศาสนา" เหตุเกิดที่ตำบลเกาะหวาน อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษปรับ 1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับปัญหาข้อเท็จจริง ปรากฏว่าผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีคำสั่งในคำร้องที่จำเลยขอให้รับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า "พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเป็นกรณีมีเหตุผลสมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา จึงอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้" เห็นได้ว่าคำสั่งดังกล่าวมิได้มีข้อความใดที่แสดงว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษานั้นได้อนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ไม่ได้
สำหรับข้อความว่า "มารศาสนา" ซึ่งจำเลยพูดว่าผู้เสียหาย จะเป็นถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายหรือไม่ และเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามความหมายในพจนานุกรมสรุปรวมความแล้ว หมายถึงบุคคลผู้มีใจบาปหยาบช้าคอยกีดกันไม่ให้ผู้อื่นทำบุญและกีดกันบุญกุศลที่จะมาถึงตน ซึ่งเป็นบุคคลประเภทที่สาธารณชนย่อมรังเกียจที่จะคบหาสมาคมด้วย เมื่อจำเลยพูดว่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำดังกล่าว ต่อหน้าผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจพยานโจทก์ ย่อมทำให้ผู้เสียหายถูกดูถูกเหยียดหยามทำให้ได้รับความอับอาย จำเลยย่อมมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า และคำว่า "มารศาสนา" เป็นถ้อยคำภาษาไทยที่สามัญชนฟังแล้วย่อมเข้าใจได้ในตัวเองว่ามีความหมายดังกล่าวข้างต้น มิใช่ถ้อยคำพิเศษที่สามัญชนฟังแล้วไม่เข้าใจ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องนำสืบอธิบายความหมายอีก และไม่อาจถือได้ว่าเป็นคำติชมตามปกติวิสัยหรือเป็นคำพูดประชดประชันแดกดัน ดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









