ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 336, 336 ทวิ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 600 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 (ที่ถูกมาตรา 336 วรรคแรก)ประกอบ 336 ทวิ, 83 จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปีให้จำเลยทั้งสองใช้ราคาทรัพย์จำนวน 600 บาท แก่ผู้เสียหายแม้ผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความกับจำเลยทั้งสอง แต่พฤติการณ์และการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำโดยอุกอาจและเป็นภัยต่อสังคมไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดมาตราส่วนโทษแก่จำเลยทั้งสองหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76จำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 แล้วคงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษหรือใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ตามพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้รถจักรยานยนต์ขับตามผู้เสียหายไปก่อนวิ่งราวทรัพย์นั้น บ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันวางแผนกระทำความผิดมาก่อนทั้งอาศัยโอกาสกระทำความผิดต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นสตรีในเวลากลางคืนในขณะปลอดผู้รู้เห็นและสะดวกแก่การหลบหนี การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของบุคคลทั่วไป ถือว่าเป็นกรณีร้ายแรงและแม้ขณะกระทำความผิดมารดาจำเลยที่ 2 จะป่วยไม่มีเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลจำเลยที่ 2ก็สามารถแก้ไขด้วยการประกอบอาชีพสุจริตหรือหยิบยืมจากญาติได้หาใช่แก้ไขด้วยการกระทำผิดกฎหมายซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเดือด ร้อนต่อสังคมทั่วไปไม่ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 2 มีอายุเพียง 18 ปีเศษ และกำลังศึกษาอยู่ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดสงขลานั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2อายุ 18 ปีศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายย่อมได้รับการอบรมสั่งสอนให้มีความรู้สึกผิดชอบและมีความสำนึกว่าควรแก้ไขปัญหาของตนด้วยการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือด ร้อนต่อบุคคลอื่น และไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่จำเลยที่ 2 หาได้นำสิ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาประพฤติปฏิบัติไม่ กลับมากระทำผิดกฎหมายในขณะกำลังศึกษาเช่นนี้ จึงไม่เป็นเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2 ส่วนที่จำเลยที่ 2 กระทำความผิดครั้งแรกขณะอายุ 18 ปี และให้การรับสารภาพตลอดมากับใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้วนั้นก็ล้วนเป็นเหตุบรรเทาโทษ และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็ได้นำมาเป็นเหตุลดมาตราส่วนและลดโทษให้จำเลยที่ 2 แล้ว ทั้งโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดมาก็เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th