ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำประเภทลูกจ้างรายวันได้รับค่าจ้างวันละ 78 บาท จำเลยจ่ายค่าพาหนะในการเดินทางมาทำงานโดยจ่ายเหมางวดละ 90 บาท ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ไม่จ่ายค่าชดเชย ไม่จ่ายค่าพาหนะในการเดินทางมาทำงานสำหรับงวดที่ต้องบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าและไม่ออกใบผ่านงานให้โจทก์ ขอศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหาย 14,040 บาท ค่าชดเชย7,020 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 1,092 บาท ค่าพาหนะในการเดินทางมาทำงานสำหรับงวดที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ย กับให้จำเลยออกใบรับรองการผ่านงานให้โจทก์

จำเลยให้การว่า นายมานิต ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจที่จะเรียงหรือเขียนคำฟ้อง คำคู่ความแทนโจทก์ ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท ไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยเลิกจ้างเพราะโจทก์มีเรื่องโกรธเคืองกับนายนิเวศน์ ลูกจ้างของจำเลยที่มีตำแหน่งผู้บังคับบัญชา หลังเลิกงานโจทก์เสพสุรามึนเมาแล้วกลับมาที่ทำงาน แล้วโจทก์ได้ชกต่อยทำร้ายนายนิเวศน์จนได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงซึ่งผิดต่อข้อบังคับของจำเลยและกฎหมาย จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้ ไม่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย ค่าชดเชย หรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ส่วนค่าพาหนะนั้น จำเลยจ่ายแก่ลูกจ้างซึ่งมาทำงานเป็นรายวัน ไม่ใช่เหมาจ่าย ลูกจ้างไม่มาทำงานในวันใดก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าพาหนะ ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว นายมานิตผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจเรียงฟ้องได้ โจทก์ชกนายนิเวศน์ลูกจ้างจำเลยเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม แต่ไม่เป็นกรณีที่ร้ายแรง จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าพาหนะเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง ต้องนำมาคำนวณการจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 7,020 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่างล่วงหน้า 968 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย กับให้จำเลยออกใบผ่านงานให้แก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายมานิตฟ้องคดีนี้แทนคดีเดียว มิได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีอื่นด้วย แม้ตามใบมอบอำนาจจะระบุให้ผู้รับมอบอำนาจมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาหรืออื่น ๆ ได้ด้วยก็ตาม ถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียวซึ่งตามประมวลรัษฎากร บัญชีอัตราอากรแสตมป์ลักษณะแห่งตราสาร 7 กำหนดให้ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท ใบมอบอำนาจของโจทก์ซึ่งปิดอากรแสตมป์ 10 บาท จึงเป็นการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ นายมานิตย่อมมีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ได้

นายมานิตได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีแทน ย่อมอยู่ในฐานะคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) จึงมีอำนาจเรียงหรือแต่งคำคู่ความได้ ส่วนมาตรา 60 วรรคสองนั้น ห้ามผู้รับมอบอำนาจเฉพาะมิให้ว่าความอย่างทนายความเท่านั้น ซึ่งการเรียงหรือแต่งคำคู่ความไม่ใช่เป็นการว่าความอย่างทนายความ จึงไม่ต้องห้าม คำคู่ความซึ่งเรียงหรือแต่งโดยนายมานิตผู้รับมอบอำนาจจึงเป็นคำคู่ความที่ชอบด้วยกฎหมาย

โจทก์กับนายนิเวศน์มีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน การที่โจทก์ชกต่อยนายนิเวศน์นอกสถานที่ทำงานและนอกเวลาทำงาน ทั้งชกต่อยเพียงหนึ่งทีซึ่งทำให้นายนิเวศน์ได้รับบาดแผลโลหิตซึม ๆ เท่านั้น เป็นเรื่องที่ลูกจ้างทำร้ายกันเอง ไม่เกี่ยวกับกิจการงานของจำเลยโดยตรง จึงไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงหรือทำลายเกียรติคุณของจำเลยถือไม่ได้ว่าความผิดของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีที่ร้ายแรง กรณีไม่ต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3) ซึ่งจำเลยจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และความผิดของโจทก์ดังกล่าวก็ไม่เข้าเหตุหนึ่งเหตุใดซึ่งเป็นข้อยกเว้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 ซึ่งจำเลยจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าจำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์

ตามฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าค่าพาหนะ เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างการที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าพาหนะเป็นการฟ้องเรียกเงินอีกประเภทหนึ่งต่างหากแม้แต่คำขอท้ายฟ้อง จำนวนค่าชดเชยก็ดี หรือจำนวนสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าก็ดี โจทก์ก็มิได้นำค่าพาหนะมารวมคำนวณด้วย ดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางนำค่าพาหนะมาคำนวณในการจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องถือว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างวันละ78 บาท กรณีที่สินจ้างจ่ายกันในวันพฤหัสบดีและเว้นหนึ่งวันพฤหัสบดีโดยวันอาทิตย์เป็นวันหยุด หนึ่งช่วงระยะเวลาของการจ่ายค่าจ้างจึงเป็นเวลา 12 วัน เป็นเงิน 936 บาท

พิพากษาแก้เฉพาะสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นว่า ให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 936 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th