ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 1,750 บาท ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เป็นเงิน 10,500 บาท

จำเลยให้การว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำจริง โจทก์ออกจากงานเพราะเกษียณอายุเป็นการออกตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ จึงเป็นการออกโดยผลของกฎหมายมิใช่เพราะจำเลยเลิกจ้าง การออกจากการเป็นลูกจ้างเพราะเกษียณอายุเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาแน่นอน จำเลยได้จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จให้โจทก์แล้วตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การแก้ว พ.ศ. 2498 มาตรา 18 ประกอบกับระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ. 2502 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2511 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยจากจำเลยอีก ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจารณาโจทก์แถลงรับว่า ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ1,645 บาทเมื่อออกจากงานจำเลยได้จ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์รับไปแล้วเป็นเงิน31,500 บาท คู่ความไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การแก้วพ.ศ. 2498 มาตรา 18 วรรคท้าย ไม่ปรากฏว่าให้นำระเบียบการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ. 2502 มาใช้บังคับ โจทก์ออกจากงานเพราะเกษียณอายุถือว่าเป็นการเลิกจ้าง โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ เงินจำนวน 21,630 บาท ที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นเงินบำเหน็จ มิใช่เป็นการจ่ายค่าชดเชยรวมอยู่ด้วยคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เป็นเงิน9,870 บาท

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าที่จำเลยอุทธรณ์ว่าพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การแก้ว พ.ศ. 2498 มาตรา 18 บัญญัติให้พนักงานได้รับบำเหน็จและรางวัลตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดและต่อมาคณะรัฐมนตรีได้กำหนดระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ. 2502 ขึ้น จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจย่อมนำระเบียบดังกล่าวมาปฏิบัติได้นั้น พิเคราะห์แล้วพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การแก้ว พ.ศ. 2498 มาตรา 18 บัญญัติว่า "ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมการผู้อำนวยการและพนักงานอาจได้รับเงินบำเหน็จและรางวัลตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด" เห็นว่า คำว่า "ระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด"ในบทบัญญัติดังกล่าวหมายถึงระเบียบที่คณะรัฐมนตรีจะได้กำหนดให้ใช้กับองค์การแก้วจำเลยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะ ส่วนระเบียบการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ. 2502 แก้ไขโดย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 นั้น เป็นระเบียบของกระทรวงการคลังที่ให้ใช้กับลูกจ้างของส่วนราชการ ไม่เกี่ยวกับพนักงานรัฐวิสาหกิจและเมื่อข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายเงินบำเหน็จพนักงานจำเลยมิได้กำหนดให้ใช้ระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ. 2502 ซึ่งแก้ไขโดย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511ของกระทรวงการคลังแก่พนักงานจำเลยโดยอนุโลม ดังนั้น จะนำระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้างดังกล่าวมาใช้บังคับในกรณีที่โจทก์พ้นจากตำแหน่งหน้าที่เพราะเกษียณอายุหาได้ไม่

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th