ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินที่โจทก์เช่า และให้ใช้ค่าเสียหาย 4,500 บาท และค่าเสียหายต่อไปนับแต่เดือนพฤศจิกายน 2509 โดยโจทก์อ้างว่า จำเลยประพฤติตนไม่เหมาะสมโจทก์ไม่ประสงค์ให้อยู่ต่อไปและได้บอกกล่าวจำเลยให้ออกไปแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยและยอมความว่า จะไม่รบกวนสิทธิในบ้านของจำเลยอีกตลอดไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยอีกฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและเป็นฟ้องซ้ำ จำเลยไม่เคยได้รับบอกกล่าวค่าเสียหายไม่มีมูลและสูงเกินกว่าเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาได้ความว่า เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินที่โจทก์เช่ารายนี้อ้างเหตุว่า จำเลยก่อความรำคาญ ในที่สุดศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่า โจทก์ยอมรับว่า บ้านเป็นของจำเลยโจทก์จะไม่รบกวนสิทธิของจำเลยเกี่ยวกับบ้านรายพิพาทนี้ต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินที่โจทก์เช่ารายนี้อีก อ้างเหตุว่าจำเลยประพฤติตนไม่เหมาะสมเป็นการรื้อร้องฟ้องคดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148อนึ่ง ในคดีเดิมโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้ว่า โจทก์จะไม่รบกวนสิทธิของจำเลยเกี่ยวกับบ้านดังกล่าวต่อไปถ้าจำเลยมิได้กระทำการใด ๆ ขึ้นใหม่ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะอยู่ในที่เช่านี้ต่อไปคดีนี้โจทก์มิได้อ้างเหตุใหม่อะไรเลย คงอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่ฟ้องจำเลยและทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้แล้ว โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้อีกมิได้เพราะเป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









