ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแลและรับผิดชอบของจำเลย ได้มีคำสั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่นายเกษม 2,500 บาท โดยชี้ขาดว่าโจทก์เลิกจ้างนายเกษมเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121(1) โจทก์เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบ เพราะนายเกษมละทิ้งหน้าที่เกินกว่า 3 วันติดต่อกัน โจทก์จึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายใด ๆ และโจทก์ไม่เคยไล่นายเกษมออกหรือปลดออก และไม่เคยบอกให้ออกจากงาน จึงขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ดังกล่าว

จำเลยให้การว่า คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามฟ้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 41(4) ประกอบด้วยมาตรา 121(1), 124, 125 และ 158 คำสั่งดังกล่าวเป็นอันถึงที่สุดโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามฟ้อง ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการ และให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 หรือไม่ และคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า

  1. โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 หรือไม่ และ

  2. คำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ 52/2519 ลงวันที่ 25 มิถุนายน2519 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ตามฎีกาข้อแรก ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าไม่มีกฎหมายบัญญัติว่า คำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมให้เป็นที่สุด ดังนั้น เมื่อโจทก์เห็นว่า คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่สั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าเสียหายแก่นายเกษมไม่ถูกต้อง ย่อมถือได้ว่าสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแล้ว โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์

ส่วนฎีกาข้อต่อมาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า นายเกษมได้ละทิ้งหน้าที่ขาดงานไปโดยมิได้ยื่นใบลาต่อหัวหน้าหน่วยและโจทก์ก็มิได้มีคำสั่งเลิกจ้างนายเกษม ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 121(1) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ด้วยเหตุนี้นายเกษมจึงยื่นคำร้องกล่าวหาโจทก์ต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ตามมาตรา 124 ไม่ได้ คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ 52/2519 ที่ว่าโจทก์เลิกจ้างนายเกษมเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121(1) และให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่นายเกษมเป็นเงิน 2,500 บาท จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th