ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2532 จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 63,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีชำระเงินคืนภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2533 ตั้งแต่กู้เงินไปจำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ เมื่อครบกำหนดชำระเงินจำเลยผิดนัดไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้จำนวน 63,000 บาทดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 28,544 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ก่อนจะทำสัญญากู้ตามฟ้อง จำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์โดยมิได้ทำสัญญากัน จำเลยได้นำเงินต้นและดอกเบี้ยไปชำระให้แก่โจทก์บางส่วน คงเหลือเงินที่ค้างชำระจำนวน 63,000 บาทโจทก์จะไม่คิดดอกเบี้ยกับจำเลย แต่ต้องให้จำเลยทำสัญญากู้ยืมไว้เป็นหลักฐาน จำเลยจึงได้ทำสัญญากู้ยืมฉบับพิพาทไว้กับโจทก์หลังจากทำสัญญากู้ยืมกันแล้ว จำเลยได้นำเงินต้นไปชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 36,000 บาท เหลือยอดหนี้ที่ยังค้างชำระจำนวน27,000 บาท ในการชำระหนี้แก่โจทก์ทุกครั้งโจทก์มิเคยออกใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการรับเงินให้แก่จำเลย ขอให้พิพากษาให้โจทก์รับชำระเงินตามที่จำเลยค้างชำระจริงเท่านั้น

ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 91,444 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 63,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์แล้วไม่ชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การรับว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริง แต่ได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้ว ดังนี้จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์และหน้าที่นำสืบว่าได้ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์แล้วบางส่วนตามคำให้การ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง บัญญัติว่า การที่จำเลยจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง เมื่อจำเลยไม่หลักฐานเอกสารลงลายมือชื่อของโจทก์มาแสดงเป็นพยานหลักฐานในคดี เช่นนี้จำเลยจึงต้องห้ามมิให้นำสืบเรื่องการชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ที่จำเลยฎีกาว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสมควรอย่างยิ่งที่จะให้จำเลยนำพยานบุคคลและเอกสารการชำระเงินที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์มานำสืบนั้น เห็นว่า ศาลไม่อาจอนุญาตหรือรับฟังพยานหลักฐานเช่นนั้นได้ เพราะต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น และยังขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 อีกด้วย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th