ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งใช้อาวุธปืนลูกซองยาวแฝดกับปืนลูกซองสั้นยิงนายสว่างโดยมีเจตนาฆ่า นายสว่างถึงแก่ความตาย
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 92
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 20 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในคืนวันเกิดเหตุจำเลยกับพวกถืออาวุธปืนขึ้นไปหานายสว่างผู้ตายบนเรือนนายสุนทรเพื่อจะทำร้ายนายสว่างผู้ตายเพราะความโกรธเคืองนายสว่างไปเบิกความเป็นพยานในคดีจำเลยปล้นทรัพย์จนศาลพิพากษาจำคุกจำเลย 10 ปี และจำเลยอาฆาตไว้ เพราะจำเลยกับพวกไม่มีเหตุอะไรเลยจะไปบ้านนายสุนทรในคืนนั้นและขึ้นไปยืนคุมในลักษณะจะทำร้ายนายสว่างผู้ตายข้อที่จำเลยฎีกาว่าคำพูดของจำเลยที่ขอค้นตัวนายสว่างไม่เป็นการส่อถึงเจตนาร้ายของจำเลยอย่างไร นายสว่างมีอุปาทานว่าจำเลยจะทำร้ายไปเอง ใช้ปืนยิงจำเลยก่อน ถ้าจำเลยตั้งใจฆ่าก็ยิงก่อนขึ้นเรือนได้ไม่มีเหตุผลฟังได้ เพราะจำเลยพูดจะขอค้นนายสว่างผู้ตาย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน นายสว่างผู้ตายจึงต้องใช้ปืนยิงต่อสู้ป้องกันตนเพราะจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนคนละกระบอกขู่นายสว่างผู้ตายอยู่แล้ว แม้กระสุนปืนของนายสว่างผู้ตายจะลั่นออกไปก่อน จำเลยจะอ้างเหตุว่าจำเลยกระทำไปโดยป้องกันไม่มีความผิดหาได้ไม่ ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่านายสว่างถูกกระสุนปืนของพวกจำเลย มิใช่ถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิง ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความผิดไปได้ เพราะจำเลยกับพวกร่วมขึ้นไปจะทำร้ายนายสว่างเป็นการร่วมกันกระทำผิด จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตาย พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








