ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 1,170,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 890,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นสมควรวินิจฉัยข้อกฎหมายก่อนว่า ฎีกาของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ฎีกาของจำเลยบรรยายเพียงว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเรื่องใดบ้าง และพยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ด้วยเหตุผลใด เนื้อหาสาระในฎีกาก็เหมือนกับที่กล่าวในอุทธรณ์เกือบทั้งหมด เมื่ออ่านฎีกาของจำเลยแล้วไม่อาจทราบได้ว่า ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาว่าอย่างไร จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อใดตอนใด และข้อที่จำเลยฎีกาเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์หรือไม่ ฎีกาของจำเลยจึงเคลือบคลุมไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลย
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








