โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกันโดยคำพิพากษาขอให้จำเลยแบ่งสินสมรสคือที่ดินพร้อมตึกแถวให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่งหากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้นำที่ดินพร้อมตึกแถวดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินเฉพาะส่วนแบ่งสินสมรสของโจทก์ โดยโจทก์ตีราคาเฉพาะส่วนแบ่งของโจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท มาในฟ้อง

จำเลยให้การว่า ที่ดินพร้อมตึกแถวตามฟ้อง จำเลยซื้อมาด้วยเงินของจำเลยฝ่ายเดียว โจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่ง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์จำนวน 31,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่20460 พร้อมตึกแถว 3 ชั้น เลขที่ 29/146 ตรอกโรงพยาบาลทหารเรือถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้นำที่ดินพร้อมตึกแถว 3 ชั้นดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์ โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินพร้อมตึกแถวซึ่งเป็นสินสมรสให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่งมิได้ฟ้องขอให้แบ่งเงิน ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ขอแบ่งสินสมรสเป็นเงิน 100,000 บาทนั้น เห็นว่า ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์โจทก์ขอให้แบ่งสินสมรสครึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ หากแบ่งไม่ได้ให้นำที่ดินพร้อมตึกแถวออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินเฉพาะส่วนแบ่งสินสมรสของโจทก์ การที่โจทก์ตีราคาสินสมรสเฉพาะส่วนของโจทก์จำนวน100,000 บาท เพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการเสียค่าขึ้นศาลเท่านั้นโจทก์มิได้ขอแบ่งสินสมรสเป็นเงิน 100,000 บาท ดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใด เมื่อปรากฏว่าที่ดินพร้อมตึกแถวตามฟ้องเป็นสินสมรสและโจทก์จำเลยหย่ากันแล้ว ก็ชอบที่จะให้แบ่งสินสมรสให้โจทก์และจำเลยได้ส่วนเท่ากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533ซึ่งถ้าการแบ่งไม่อาจตกลงกันก็อาจให้นำเอาสินสมรสออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาแบ่งกันตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา