คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3395/2563
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 406
เงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินรางวัลประจำปี) ที่จำเลยรับไปแล้วนั้น เป็นเงินที่จำเลยมีสิทธิได้โดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์มีหน้าที่จะต้องเบิกจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่จำเลย หลังจากจำเลยรับเงินดังกล่าวไปแล้ว แม้ต่อมาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 11 และสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพิจิตรจะมีหนังสือทักท้วงไปยังโจทก์ว่าการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวไม่ถูกต้อง โดยแจ้งว่าเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินรางวัลประจำปี) ต้องเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่สามารถเบิกจ่ายจากเงินสะสมได้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้เงินที่จำเลยรับไปแล้วเป็นเงินที่ไม่ชอบ เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย การที่เจ้าหน้าที่การเงินของโจทก์เบิกเงินดังกล่าวจากเงินสะสมซึ่งสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพิจิตรอ้างว่าไม่ถูกต้องตามระเบียบ ก็เป็นการทำงานที่บกพร่องของเจ้าหน้าที่การเงินของโจทก์เอง หาได้เกี่ยวข้องกับจำเลยแต่อย่างใดไม่ และการยกเลิกคำสั่งของเทศบาลตำบลวังกรดที่อนุมัติให้จำเลยได้รับเงินประโยชน์ดังกล่าว โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าโจทก์มีอำนาจตามกฎหมายข้อใดที่จะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นการตัดสิทธิจำเลยที่จะได้รับเงินทั้งที่จำเลยมีสิทธิได้รับเงินนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์เองก็ได้อนุมัติให้จำเลยรับเงินดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จำเลยยังคงมีสิทธิที่จะยึดถือเงินทั้งสองจำนวนไว้ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินทั้งสองจำนวนคืนจากจำเลย เป็นกรณีที่โจทก์จะต้องดำเนินการทางบัญชีเบิกจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษจากกองเงินงบประมาณที่ถูกต้องตามระเบียบการจ่ายเงินชดใช้คืนแก่กองเงินงบประมาณที่เจ้าหน้าที่การเงินของโจทก์เบิกผิดพลาดไป หาใช่มาฟ้องเรียกเงินดังกล่าวคืนจากจำเลยเช่นนี้ไม่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 26,218.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 26,218.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 14 กันยายน 2560) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 424 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น มีอำนาจกำหนดนโยบายบริหารราชการของเทศบาลตำบลวังกรด จำเลยเป็นข้าราชการในสังกัดของโจทก์ เป็นผู้มีสิทธิรายหนึ่งที่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินรางวัลประจำปี) ประจำปีงบประมาณ 2552 และ 2553 ตามคำสั่งของโจทก์ซึ่งออกโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยได้รับเงินทั้งสองจำนวนไปแล้ว ต่อมาวันที่ 31 มีนาคม 2554 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 11 มีหนังสือถึงนายกเทศมนตรีตำบลวังกรด แจ้งว่า การจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินรางวัลประจำปี) ประจำปีงบประมาณ 2552 และ 2553 ที่โจทก์ได้สั่งจ่ายไปแล้วนั้นไม่ถูกต้อง เพราะการเบิกจ่ายเงินไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 ให้พิจารณาโทษแก่ผู้ที่ต้องรับผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องกับให้นำเงินที่เบิกจ่ายผิดระเบียบจำนวน 3,550,221.21 บาท คืนแก่คลังเทศบาลตำบลวังกรด และเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2555 สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพิจิตรมีหนังสือถึงนายกเทศมนตรีตำบลวังกรด ยืนยันข้อทักท้วงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 11 ให้โจทก์นำส่งเงินจำนวนข้างต้นคืนแก่คลังเทศบาลตำบลวังกรด ต่อมานายอำเภอเมืองพิจิตรมีหนังสือถึงนายกเทศมนตรีตำบลวังกรดเร่งรัดให้โจทก์ส่งเงินข้างต้นที่ยังค้างส่งคืนอีก 2,907,947.94 บาท แก่คลังเทศบาลตำบลวังกรด โจทก์จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามข้อเสนอแนะของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพิจิตรให้ทำหน้าที่ติดตามผลการดำเนินการ และที่ประชุมคณะกรรมการดังกล่าวมีความเห็นให้โจทก์ยกเลิกคำสั่งเทศบาลตำบลวังกรดที่ 198/2552 และที่ 162/2553 เรื่อง การจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินรางวัลประจำปี) ประจำปีงบประมาณ 2552 และ 2553 ตามลำดับ โจทก์จึงมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งข้างต้นทั้งสองฉบับ และแจ้งให้จำเลยนำเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษทั้งสองจำนวน 26,218.29 บาท คืนแก่โจทก์ จำเลยเพิกเฉย
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยต้องคืนเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษจำนวนตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า เงินที่จำเลยรับไปนั้นเป็นเงินที่จำเลยมีสิทธิได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์มีหน้าที่ต้องเบิกจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่จำเลย หลังจากจำเลยรับเงินดังกล่าวไปแล้ว แม้ต่อมาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 11 และสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพิจิตรจะมีหนังสือทักท้วงไปยังโจทก์ว่าการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวไม่ถูกต้อง โดยสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพิจิตรแจ้งว่า เงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินรางวัลประจำปี) ต้องเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่สามารถเบิกจ่ายจากเงินสะสมได้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้เงินจำนวนที่จำเลยรับไปแล้วเป็นเงินที่ไม่ชอบเพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย การที่เจ้าหน้าที่การเงินของโจทก์เบิกเงินดังกล่าวจากเงินสะสมซึ่งสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพิจิตรอ้างว่าไม่ถูกต้องตามระเบียบ เป็นการทำงานที่บกพร่องของเจ้าหน้าที่การเงินของโจทก์เอง หาเกี่ยวข้องกับจำเลยแต่อย่างใดไม่ และการที่โจทก์ยกเลิกคำสั่งของเทศบาลตำบลวังกรดที่อนุมัติให้จำเลยได้รับเงินประโยชน์ดังกล่าว โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าโจทก์มีอำนาจตามกฎหมายข้อใดที่จะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นการตัดสิทธิจำเลยที่จะได้รับเงินนั้นทั้ง ๆ ที่จำเลยมีสิทธิได้รับเงินนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์เองก็ได้อนุมัติให้จำเลยได้รับเงินดังกล่าว ดังนั้น จำเลยจึงยังคงมีสิทธิที่จะยึดถือเงินทั้งสองจำนวนนั้นไว้ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินทั้งสองจำนวนคืนจากจำเลย เป็นกรณีที่โจทก์จะต้องดำเนินการทางบัญชีเบิกจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนเป็นกรณีพิเศษจากกองเงินงบประมาณที่ถูกต้องตามระเบียบการจ่าย ไปชดใช้คืนแก่กองเงินงบประมาณที่เจ้าหน้าที่การเงินของโจทก์เบิกโดยผิดพลาด หาใช่มาฟ้องเรียกเงินดังกล่าวคืนจากจำเลยเช่นนี้ไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่น ๆ ของจำเลยเพราะไม่ทำให้ผลแห่งคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินคืนแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 9,000 บาท
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.284/2563
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - เทศบาลตำบลวังกรด จำเลย - ว่าที่ร้อยโท ศ.
ชื่อองค์คณะ อุบลรัตน์ ลุยวิกกัย วัฒนา วิทยกุล สุรพล เอี่ยมอธิคม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดพิจิตร - นายโอฬาริก ขวัญชัย ศาลอุทธรณ์ภาค 6 - นายอนุสรณ์ จิวัชยากูล