ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อน้ำเกลือไปจากโจทก์ 3 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 379,750 บาท โจทก์ได้ส่งมอบน้ำเกลือให้จำเลยตามสัญญาแล้วแต่จำเลยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน406,592 บาท ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 379,750 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์ครบถ้วน

จำเลยให้การว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อน้ำเกลือจากโจทก์รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 379,750 บาทจริง แต่จำเลยได้ชำระเงินค่าน้ำเกลือให้โจทก์เรียบร้อยแล้วตามใบเสร็จรับเงินเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 1ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 379,750บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 22 มีนาคม 2531 ซึ่งเป็นวันที่เริ่มผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์ครบถ้วน แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยเมื่อคิดถึงวันฟ้องจะต้องไม่เกิน 26,842 บาทตามที่โจทก์ขอมา

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่23 ธันวาคม 2530 โจทก์ขายน้ำเกลือให้แก่จำเลยเป็นเงิน 379,750 บาทตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.8 โจทก์ส่งมอบน้ำเกลือแก่จำเลยตามสัญญาแล้วและได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าน้ำเกลือดังกล่าวให้จำเลยตามเอกสารหมาย ล.1 คงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวโดยจำเลยฎีกาว่า โจทก์ออกใบเสร็จรับเงินค่าน้ำเกลือดังกล่าวให้แก่จำเลยไว้ตามเอกสารหมาย ล.1 จึงไม่มีหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์อีก ที่โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ยังไม่ได้รับชำระเงินตามใบเสร็จดังกล่าวเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงหักล้างพยานเอกสารต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 นั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระราคาตามสัญญาซื้อขายน้ำเกลือ จำเลยให้การและนำสืบว่าได้ชำระราคาแก่โจทก์แล้ว ปรากฏตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.1 ดังนี้ การชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าโจทก์ออกใบเสร็จรับเงินดังกล่าวให้แก่จำเลยไปก่อนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตั้งฎีกาเบิกเงินมาชำระราคาแก่โจทก์ตามที่เคยปฏิบัติมา แต่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระราคา เพราะเจ้าหน้าที่การเงินของจำเลยทุจริต กรณีหาเป็นการต้องห้ามมิให้นำสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94ดังที่จำเลยฎีกาไม่ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยยังมิได้ชำระราคาแก่โจทก์จำเลยจึงต้องรับผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th